[How to] 8 สิ่งที่เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต้องมี

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

8way-higlight

ในยุคที่คุณสามารถซื้อสินค้าทุกอย่างได้จากอินเตอร์เน็ต ทั้งอาหาร หนังสือ อุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ จึงทำให้แบรนด์ต่างๆ พากันขนสินค้าทั้งหมดมาอยู่ในออนไลน์

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว จำนวนของบริษัทที่เน้นการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเดียว นั้นเติบโตเร็วอย่างน่าตกใจ เช่นเดียวกับรูปแบบการขาย Brick-and-mortar ที่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง มีสินค้าที่จับต้องได้จริง ก็จำเป็นต้องมีเว็บไซต์เพื่อดึงดูด และรักษาฐานลูกค้า จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้ รูปแบบการขายกว่า 50% จะอยู่บนโลกออนไลน์

ถ้าตอนนี้คุณกำลังคิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ นี่จะเป็นเคล็ดลับที่มีประโยชน์อย่างมาก ในการสร้างพื้นที่รองรับผู้บริโภค และดึงดูดให้พวกเขากลับมาอีกครั้ง หรือถ้าคุณมีร้านค้าออนไลน์อยู่ ลองมาเช็คดูอีกครั้งว่า 8 คุณสมบัติ ที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้ คุณมีครบหรือยัง

1. โลโก้ที่โดดเด่น และติดตา

อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เมื่อโลกออนไลน์เติบโตขึ้น แบรนด์ต่างๆ ก็พากันเกาะกระแสนี้ การสร้างตราสินค้า จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

ชื่อแบรนด์เองก็ต้องโดดเด่น โลโก้ก็ต้องดึงดูด เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคคลิกเข้ามายังร้านของคุณ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โลโก้ และชื่อแบรนด์ ก็จะเป็นเครื่องมือสำคัญในระยะยาวสำหรับการสร้างแบรนด์ คุณต้องพิจารณาให้ดี ก่อนตัดสินใจ

2. ภาพคมชัด ระดับ HD

เนื่องจากเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์ ผู้ซื้อจึงไม่มีโอกาสได้เห็น ได้สัมผัสสินค้าจริง นักช้อปออนไลน์จึงต้องตัดสินใจด้วยรูปภาพ ที่ทางผู้ขายนำเสนอเท่านั้น นั่นหมายความว่า ยิ่งภาพสวย มีรายละเอียดมากเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มยอดขายได้เท่านั้น

ทั้งนี้ ภาพที่นำมาใช้ต้องมีองค์ประกอบครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องหรูเลิศ อลังการ แต่ต้องสร้างความประทับใจที่ดีให้แก่ลูกค้าได้ มุมต่างๆ ของสินค้า รายละเอียดสินค้า ฯลฯ ในทางกลับกันถ้าคุณเป็นผู้ซื้อ คุณอยากเห็นภาพแบบไหน ลูกค้าก็ต้องเห็นภาพแบบนั้นเช่นกัน ภาพที่ดีไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าอยู่บนเว็บนานขึ้น แต่ยังช่วงเพิ่มโอกาสทางการขายอีกด้วย

3. ใช้งานง่าย

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการช้อปออนไลน์คือ การใช้งานเว็บไซต์ เมื่อผู้ซื้อเข้ามายังเว็บไซต์ พวกเขาจะมองหาสินค้าที่ตัวเองสนใจในทันที ดังนี้ แบรนด์ต้องพัฒนาเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว รวมถึงการค้นหาสินค้าที่ต้องการเจอภายในคลิกเดียว

4. สร้างการมีส่วนร่วม ด้วยการเล่าเรื่องจากแบรนด์

ในขณะที่คุณภาพ และบริการยังเป็นสิ่งสำคัญที่ของการทำธุรกิจ การเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับแบรนด์ ก็จะช่วยให้ผู้ซื้อเข้ามายังเว็บไซต์มากขึ้น ลองใช้เวลา และความพยายามที่มีสื่อสารกับผู้ซื้อของคุณ ด้วยการเล่าเรื่องผ่านคอนเท้นต์ต่างๆ ทั้งภาพ วิดีโอ หรือข้อความ ทุกอย่างสามารถเข้าถึงอารมณ์ของพวกเขาได้ จะดีกว่าหรือไม่ที่คุณขายสินค้าได้ และยังเป็นหนึ่งในความทรงจำดีๆ เมื่อคิดย้อนกลับมา

5. จูงใจ ด้วยข้อความรายละเอียดของสินค้า

นอกเหนือจากภาพแล้ว วิธีเดียวที่นักช้อปจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมของสินค้าคือ ข้อความ รายละเอียดต่างๆ ที่มาพร้อมกับสินค้า ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมาก ทั้งนี้ ก็ไม่ควรเขียนยาวเกินไป ควรเป็นข้อความที่สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย ในขณะเดียวกัน คุณก็ต้องตรวจสอบรายละเอียดสำคัญเสียก่อน ทั้งวัตถุดิบที่นำมาใช้ คุณสมบัติต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการซื้อ เพราะคงไม่มีใครอยากซื้อสุ่มสี่สุ่มห้า หาที่มาของสินค้าไม่ได้

6. แจ้งข้อมูล “การจัดส่ง & รับคืนสินค้า”

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อสินค้าออนไลน์คือ การจัดส่ง และการได้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลอย่างมาก ในฐานะผู้ค้าคุณต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจน สร้างความเข้าใจในเบื้องต้นเสียก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ก่อนตัดสินใจซื้อ

7. ลงทะเบียนรับจดหมายข่าว

Email newsletter หรือจดหมายข่าวทางอีเมล เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก ในการติดต่อกับลูกค้า และนำเสนอโปรโมชั่นใหม่ๆ ได้ นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นให้ผู้ซื้อเข้ามายังเว็บไซต์ได้อีกด้วย

8. มีลิ้งก์ Social Media อื่นๆ ของแบรนด์

การมีบัญชี Social Media จะช่วยให้แบรนด์สื่อสารกับลูกค้าได้ดีขึ้น เพราะลูกค้าของคุณไม่ได้ใช้แค่ช่องทางเดียว แต่พวกเขายังมี Facebook, Twitter, Google+ ฯลฯ คุณจึงต้องก้าวให้ทันพฤติกรรมของลูกค้า มีตัวตนอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม และจะช่วยให้แบรนด์ขยายฐานลูกค้าใหม่ได้

 

แหล่งที่มา


  •  
  •  
  •  
  •  
  •