ดูเหมือนว่าสตรีมมิ่งแฟลตฟอร์มเจ้าตลาดอย่าง Netflix จะถึงคราวสะดุด เพราะหลังจากมีการปรับขึ้นค่าบริการรายเดือนสำหรับสมาชิก ไม่นานผู้ชมก็ลดลงเรื่อยๆ อย่างมีนัยยะสำคัญ ล่าสุด Netflix ได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่สอง พบมีผู้ชมรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านคน ต่ำกว่าที่คาดการไว้ช่วงแรกคือ 5 ล้านคน ผู้ชมรายเก่าลดลง 130,000 คนในสหรัฐ ผิดโผจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีจำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้นในสหรัฐ 350,000 ล้านคน จนหุ้นตกลง 12% ส่งผลให้รายได้ครึ่งปีแรก 384 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Eric Haggstrom นักวิเคราะห์จาก eMarketer กล่าวว่า ปัญหาหลักเกิดจากการที่ Netflix มีการเพิ่มค่าบริการ ทำให้กลุ่มลูกค้า lower pricing ยกเลิกบริการ อีกทั้ง Netflix ยังต้องเผชิญหน้ากับสตรีมมิ่งหลายอื่นๆ รวมถึงบริการ Disney+ ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความลังเลที่จะใช้บริการต่อ สิ่งเดียวที่ Netflix จะดึงผู้ชมกลับมาได้ คือ original content ที่จะทำให้คนดูกลับมาให้ความสนใจในไตรมาสที่ 3 ซึ่งในปีนี้ใช้เงินไปกว่า 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ original content
ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจ ช่วงสองสัปดาห์ก่อน Stranger Things 3 เข้าฉาย มีผู้ชมสูงขึ้น รายได้โตถึง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ สมาชิกในสหรัฐอเมริกาจำนวนกว่า 10% (หกล้านคน) กล่าวว่า พวกเขาจะยกเลิกการใช้บริการ Netflix หากซีรีส์ที่เขาติดตามนั้นจบลง ปัจจุบันสมาชิกของ Netflix ประมาณ 33% รับชม original content ส่วนอีก 11% รับชมคอนเทนต์ทั่วไป และอีก 56% ดูทั้งสองส่วนเท่ากัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการลดลงของจำนวนผู้ชมจำนวนมากของสมาชิกในสหรัฐอเมริกา นี่อาจเป็นจุดอิ่มตัวในตลาดภายในประเทศของ Netflix ซึ่งควรเน้นไปที่การจับสมาชิกในระดับสากลแทน
ที่มา : forbes.com