เป็นข่าวใหญ่น่าจับตา เมื่อ Z Holdings (ซี โฮลดิ้งส์ คอร์ปอเรชั่น) บริษัทแม่ผู้ให้บริการ Yahoo! JAPAN ประกาศควบรวมกิจการกับ LINE (ไลน์ คอร์ปอเรชั่น) โดยทั้ง SoftBank และ NAVER บริษัทแม่ของทั้งสองบริษัท ได้ดำเนินการด้านธุรกรรมเสร็จสิ้นแล้วเพื่อยืนยันการควบรวมธุรกิจในครั้งนี้ หลังจากบรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 และปัจจุบันการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัทถือเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ โดยมีสัญญาการแลกเปลี่ยนหุ้นระหว่าง Z Holdings (ZHD) และ LINE Demerger Preparatory Company ลงวันที่ 31 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงอันเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการในครั้งนี้ ด้วย
เมื่อ 2 ยักษ์ด้านเทคโนโลยีของญี่ปุ่นมารวมตัว…
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ZHD ถือเป็นหนึ่งในบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีพนักงานกว่า 23,000 คน ให้บริการกว่า 200 บริการ แก่ผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคน ลูกค้าองค์กรกว่า 15 ล้านราย และ โครงการร่วมกว่า 3,000 โครงการในเทศบาลเมืองต่าง ๆ โดยการควบรวมกิจการในครั้งนี้ ทำให้กลุ่มบริษัท ZHD มีขอบข่ายธุรกิจครอบคลุมการให้บริการสารสนเทศ การจ่ายเงิน และการสื่อสาร ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มบริษัท ZHD มุ่งหวังที่จะทำให้ผู้ใช้งานบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น (Achieve Even More) ด้วยพลังของอินเทอร์เน็ต และสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ผ่านการแก้ปัญหาด้านสังคมต่าง ๆ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในต่างประเทศ เพื่อให้สังคมได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
จับมือลุย 4 ธุรกิจ
ส่วนของการให้บริการ Yahoo! JAPAN กลุ่มบริษัท ZHD ประกาศยังคงให้บริการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ LINE ซึ่งดำเนินธุรกิจการให้บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต (Search) และการเป็นเว็บท่า (Web Portal) การโฆษณา (Advertising) และการให้บริการส่งข้อความ (Messenger) ก็ยังคงให้บริการตามเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากนี้ คือ ทั้งสองบริษัทจะให้ความสำคัญกับ 4 กลุ่มธุรกิจ คือ การพาณิชย์, สินค้าและบริการในแนวดิ่ง, เทคโนโลยีทางการเงิน และการบริการสาธารณะ โดยจะใช้เทคโนโลยีด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ในทั้ง 4 ธุรกิจ เพื่อมอบความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน ลูกค้า และสังคม
- การพาณิชย์ (Commerce)
– การซื้อสินค้าบริการภายในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเชื่อมโยงกับหน้าร้าน (X Shopping) โดยกลุ่มบริษัท ZHD มีเป้าหมายที่จะสร้างโลกที่ผู้คนสามารถซื้อสิ่งที่ตนเองต้องการในราคาที่ดีที่สุด ที่ไหนและเมื่อใดก็ได้ผ่าน LINE โดยจะมีการเปิดตัวบริการใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ของขวัญผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือ Social Gift การซื้อแบบกลุ่ม (Team Commerce) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถรวมกลุ่มซื้อสินค้าในราคาถูกลง การซื้อสินค้าในระหว่างการไลฟ์สด (Live Commerce) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ใช้งานเข้ากับวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ นอกจากนี้ จะยังเน้นการให้บริการที่เรียกว่า “X Shopping” (Cross Shopping) ซึ่งนับเป็นประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงข้อมูลสินค้าระหว่างร้านค้าออนไลน์และหน้าร้าน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกวิธีการซื้อสินค้า ที่ตรงต่อความต้องการของตนเอง กลุ่มบริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวฟังก์ชัน “ราคาของฉัน” (My Price Initiative) ซึ่งเป็นฟังก์ชันการตั้งราคาแบบไดนามิกหรือการตั้งราคาแบบยืดหยุ่น และบริษัทยังมีแผนที่จะจัดทำโปรแกรมการมอบคะแนนสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าอีกด้วย
– ให้บริการซอฟต์แวร์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ผ่าน “โครงการสมาร์ทสโตร์” (Smart Store Project) กลุ่มบริษัทฯ มีกำหนดแผนเปิดตัว “โครงการสมาร์ทสโตร์” (Smart Store Project) ภายในครึ่งแรกของปี 2564 โดยใช้องค์ความรู้ด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัท NAVER โดยกลุ่มบริษัทจะให้บริการซอฟแวร์การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ประกอบการธุรกิจผ่าน “โครงการสมาร์ทสโตร์” ดังกล่าว โดยรวมถึงเครื่องมือการสร้าง การดำเนินงาน การวิเคราะห์เว็บไซต์ รวมถึงการบริการลูกค้าและทราฟฟิคจากแหล่งอ้างอิง หรือทราฟฟิคที่เข้ามายังเว็บไซต์ผ่านทาง “Link” จากเว็บไซต์อื่น ๆ (Referral Traffic) ในอนาคตกลุ่มบริษัทยังมีแผนให้บริการเครื่องมือเพิ่มเติมที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้ทั้งในรูปแบบของร้านค้าออนไลน์และหน้าร้านผ่านทางหน้าจอเดียว
- สินค้าและบริการในแนวดิ่ง (Local Vertical)
การให้บริการซอฟต์แวร์เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ผ่านปัญญาประดิษฐ์ เช่น การบริการด้านการจองที่พักและร้านอาหาร ในด้านของการโฆษณา บริษัทจะให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการตลาดในรูปแบบใหม่แก่ธุรกิจต่าง ๆ ผ่านการผสานความร่วมมือกับ Yahoo! JAPAN, LINE และ PayPay เพื่อจะช่วยให้ธุรกิจมีแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่ตรงต่อความต้องการมากขึ้น
- เทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech)
บริษัทเตรียมพร้อมที่จะเชื่อมโยงผู้ค้าที่ให้บริการการจ่ายเงินผ่าน PayPay และ LINE Pay โดยเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนปีนี้ ผู้ใช้งาน LINE Pay จะสามารถจ่ายเงินผ่านผู้ค้า PayPay กว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศญี่ปุ่น ที่ใช้งานผ่านโหมด merchant-presented mode (MPM) นอกจากนั้น PayPay และ LINE Pay ยังเริ่มเจรจาเรื่องการจ่ายเงินโดยใช้คิวอาร์โค้ด (QR Code) และบาร์โค้ด (Barcode) ของ LINE Pay ผ่าน PayPay ในเดือนเมษายน 2565
- การบริการสาธารณะ (Public Services)
บริษัทจะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการให้บริการสาธารณะ การป้องกันภัยพิบัติ การสาธารณะสุข และความพยายามที่จะแก้ปัญหาด้านสังคมต่าง ๆ ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นอกจากนั้น บริษัทจะยังให้บริการการแพทย์ทางไกลหรือโทรเวช ผ่าน “LINE Doctor” ซึ่งเป็นบริการจาก LINE Healthcare Corporation สำหรับผู้ใช้งานในประเทศญี่ปุ่น การให้บริการแพทย์ทางไกลดังกล่าวจะมอบความสะดวกและการเข้าถึงที่เพิ่มมากขึ้นผ่านการพัฒนาการให้บริการ ตั้งแต่การให้คำแนะนำออนไลน์เรื่องการใช้ยา ไปจนถึงการส่งยาและการให้บริการการรักษาผ่านทางออนไลน์ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะเริ่มให้บริการการให้คำแนะนำออนไลน์เรื่องการใช้ยาภายในปีงบประมาณ 2564 และผลักดัน “LINE Doctor” ให้เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
ปักหมุดขยายธุรกิจต่อเนื่อง
นอกจากการมุ่งสู่ 4 กลุ่มธุรกิจดังกล่าว ทั้งสองบริษัทยังมีเป้าหมายด้านอื่น คือ
– การลงทุนและการขยายธุรกิจระดับโลก
กลุ่มบริษัท ZHD มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างคุณค่าใหม่ ๆ โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการบริการทุกรูปแบบ และเพื่อจะให้บรรลุตามเป้าประสงค์ในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นศูนย์กลางการเติบโตของธุรกิจ กลุ่มบริษัทมีแผนทุ่มทุนกว่า 500,000 ล้านเยน โดยจะขยายฐานและเพิ่มจำนวนของวิศวกรปัญญาประดิษฐ์ (AI Engineer) ทั้งในและต่างประเทศราว 5,000 ตำแหน่ง ภายในระยะเวลา 5 ปี รวมถึงมุ่งสร้างความสำเร็จระดับโลกเพื่อพัฒนาการบริการ สินค้า และฟีเจอร์ใหม่ ๆ เมื่อผนวกกับองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากตลาดหลักของ LINE ในต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน ไทย และอินโดนีเซีย กลุ่มบริษัท ZHD จะสามารถพัฒนาการให้บริการและสามารถเพิ่มศักยภาพได้ในระดับโลก รวมถึงในประเทศญี่ปุ่นเอง นอกจากนั้นบริษัทยังตั้งใจที่จะใช้องค์ความรู้และเครือข่ายของบริษัทแม่อย่าง SoftBank และ NAVER อีกด้วย
– การจัดการข้อมูล
บริษัทยังคงให้ความสำคัญด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยด้านข้อมูล โดยจะให้คำแนะนำที่เข้าใจง่ายแก่ผู้ใช้งาน และดำเนินการตามกฎหมายและข้อบังคับ ในขณะเดียวกันก็น้อมรับคำแนะนำและการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ บริษัทจะยังคงให้คำแนะนำที่ครอบคลุมและโปร่งใสหลังจากได้รับการยินยอมจากผู้ใช้ และจะยังมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยโดยยึดมาตรฐานต่าง ๆ ในระดับสากล
– โครงสร้างและนโยบายการบริหารจัดการ
ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการใหม่นี้ บริษัท ZHD ตั้งเป้าการดำเนินการแบบสอดประสานความร่วมมือ เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจและการให้บริการ โดยบริษัทมีเป้าหมายสร้างรายได้กว่า 2 ล้านล้านเยน และสร้างสถิติรายได้จากการดำเนินงานสูงสุดกว่า 225,000 ล้านเยน ภายในปีงบประมาณ 2566