10 วิธีในการทำแบรนด์ให้รู้สึกเหมือนคนมากขึ้น

การสร้างแบรนด์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและในยุคนี้ที่แบรนด์นั้นต้องสร้างสัมพันธ์กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของตัวเองขึ้นมาการปฏิสัมพันธ์ของแบรนด์ในทุกวันนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายและลูกค้าของแบรนด์นั้นรู้สึกว่าแบรนด์นี้สำคัญต่อตัวเองขึ้นมาการที่แบรนดืจะทำโฆษณาหรือสื่อสารทางเดียวแบบในอดีตนั้นไม่สามารถทำได้แล้วเพราะผู้บริโภคนั้นจะรู้สึกว่าแบรนด์ที่ทำแบบนี้นั้นห่างไกลตัวเองจนเกินไปและไม่ได้สนใจผู้บริโภคขึ้นมา 

ด้วยเหตุนี้การที่สามารถสร้างแบรนด์ให้เชื่อมกับผู้บริโภคได้นั้นจึงเป็นภารกิจหลักของการทำธุรกิจในยุคนี้ซึ่งการที่จะทำให้แบรนด์ปฏิสัมพันธ์และทำให้กลุ่มเป้าหมายมาสนใจพูดคุยได้นั้นคือการที่แบรนด์ต้องสามารถสื่อสารและทำตัวเหมือนเป็นคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ด้วยเหตุนี้ในบทความนี้จะนำเสนอ 10 วิธีที่จะสร้างแบรนด์ให้รู้สึกว่าเหมือนคน 

1. เขียนจากใจ : วิธีการแรกที่สำคัญที่สุดเลยคือการนำเสนอเนื้อหาต่างๆนั้นต้องมาจากใจหรือเป็นตัวของตัวเองของแบรนด์ไม่ใช่การสร้างภาพขึ้นมาแบรนด์ที่ดีจะมีคาแรคเตอร์ของแบรนด์ที่สามารถนำเสนอและมี Brand Voice ที่ชัดเจนออกมาการที่สามารถสื่อสารได้จริงใจไม่เสแสร้งตัวเองนั้นสำคัญ 

2. ตัดคำยากๆออก : ไม่มีใครอยากคุยกับคนที่สื่อสารไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะการใช้คำศัพท์ยากๆหรือใช้คำจำพวก buzzword จนมากเกินไปการพูดคุยกับคนที่ใช้คำแบบนี้ย่อมทำให้เกิดความรำคาญขึ้นมาได้จนไม่อยากคุยเช่นกันดังนั้นสื่อสารให้ง่ายเข้าไว้ 

3. นำเสนอทีม : แบรนด์ที่ดีต้องมีหัวใจและยกย่องคนที่มีส่วนร่วมทั้งหมดขึ้นมาการที่แบรนด์สามารถนำเสนอทีมงานนั้นได้หรือบอกเล่าประวัติทีมงานได้ย่อมทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่ดีที่ให้เกียรติคนทำงานแถมคนยังได้เห็นคาแรคเตอร์ของแบรนด์อีกด้วย 

4. พูดคุยกับทุกคน : การเข้าไปคุยกับทุกคนนั้นจะช่วยสร้างให้แบรนด์นั้นดูมีความสนใจคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์ทำให้ผู้คนที่เข้ามาพูดคุยนั้นรู้สึกว่าแบรนด์นี้สนใจและใส่ใจคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์ด้วยและทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์จนเกิดความผูกพันได้ 

5. มีมุมตลกบ้าง : เช่นเดียวกันกับคนที่คนเราไม่อยากคุยกับคนเย็นชาไม่มีความตลกเพราะจะทำให้ชีวิตนั้นน่าเบื่อดังนั้นแบรนด์ที่ไม่อยากดูน่าเบื่อเย็นชาหรือดูห่างไกลการที่สามารถเล่นมุกตลกหรือสร้างสรรค์เนื้อหาตลกนั้นได้นั้นสำคัญมากที่จะทำให้คนสนใจและคุยด้วย 

6. ใช้ภาพและวิดีโอจริงๆ : การมีภาพวิดีโอและภาพถ่ายจริงๆย่อมทำให้คนที่ปฏิสัมพันธ์รู้สึกถึงความมีตัวตนจริงๆของแบรนด์และทำให้คนติดตามได้มากกว่าเพราะเป็นภาพที่ไม่มีที่ไหนดูเป็นของจริงต่างจากการใช้ Stock Photo ขึ้นมา 

7. ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น : การที่ปฏิสัมพันธ์บนหน้าช่องทางของตัวเองไม่พอแต่แบรนด์ที่ดีที่อยากเป็นมนุษย์นั้นต้องสามารถไปปฏิสัมพันธ์ในช่องทางส่วนตัวของคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์หรือหน้าของคนที่ปฏิสัมพันธ์ได้ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดความผูกพันขึ้นมาได้ 

8. ให้หนักงานเป็นตัวของตัวเอง : คาแรคเตอร์และความเป็นมนุษย์ของแบรนด์นั้นเกิดขึ้นจากคนที่สร้างแบรนด์ดังนั้นการให้พนักงานหรือคนที่เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์แสดงตัวตนออกมาได้เต็มที่ย่อมทำให้กลุ่มเป้าหมายนั้นรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์เพิ่มได้มากขึ้นและเห็นภาพที่ดีของแบรนด์ผ่านตัวพนักงานที่นำเสนอออกไป 

9. ยอมรับความผิดพลาด :  คนนั้นไม่มีทางสมบูรณ์แบบและมีความผิดพลาดได้ แบรนด์ที่ดีที่มีความเป็นมนุษย์นั้น ก็สามารถผิดพลาดได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น และมีคนหรือผู้บริโภคมาชี้แจงความผิดพลาดของแบรนด์ขึ้นมา หรือแม้กระทั้งเกิดเหตุผิดพลาดของแบรนด์ สิ่งที่แบรนด์ที่ดีทำคือการย้อมรับความผิดพลาดนั้น ๆ และนำเสนอการแก้ไขที่ดีสุดขึ้นมา รวมทั้งขอบคุณในความคิดเห็นที่ส่งเข้ามาเพื่อสร้างความรู้สึกในการยอมรับความผิดพลาด ด้วยการทำเช่นนี้จะทำให้ยอมรับความเห็นใจเพราะคนจะมองว่าแบรนด์ก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์เช่นกัน 

10. อย่าขายของเยอะ : สุดท้ายไม่มีใครชอบการที่แบรนด์หรือคนนั้นมา Hard Sell ขายสินค้าหรือพยายามจะทำการตลาดอย่างมากเมื่อพูดคุยกับเรายิ่งเมื่อแบรนด์พยายามที่จะขายหรือดันสินค้าต่างๆมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้การสื่อสารนั้นดูเหมือนไม่จริงใจหรือสร้างมาจากระบบหุ่นยนต์ดังนั้นจงขายและพูดคุยกับคนที่มาติดตามให้มีความพอดีอย่างมากเกินไป 

ผู้บริโภคในยุคนี้ไม่ได้เชื่อถือองค์กรใหญ่มากแต่ต้องการแบรนด์ที่มีความจริงใจต้องการคนที่รู้ว่ากำลังมีปัญหาอะไรดังนั้นการที่แบรนด์สามารถทำตัวเป็นมนุษย์ได้ก็จะสามารถเอาชนะใจผู้บริโภคได้ขึ้นมา

Related posts:

Data Science ใน Marketing สามารถเอามาทำอะไรได้บ้างแบบทั่วไป ใช้จิตวิทยา Priming ในการตลาดเพื่อเตรียมสมองเป้าหมายให้ซื้อของมากขึ้น Social Media คุณล้มเหลวเพราะเหตุนี้รึเปล่า และจะแก้ไขได้อย่างไร เลิกใช้ Customer Journey ที่ไม่ได้เข้าใจ แล้วหันมาใช้ Customer Journey map แทน 5 สัญญาณบ่งชี้ว่าคุณต้อง Rebranding 6 เครื่องมือ Digital Marketing ที่นักการตลาดควรใช้