5 คำถามที่ควรถามเมื่อทำกลยุทธ์

  • 406
  •  
  •  
  •  
  •  

การรับบรีฟจากลูกค้าเพื่อสร้างกลยุทธ์ขึ้นมานั้น เรียกได้ว่าเป็นงานที่ต้องเป็นนักสืบหรือไขรหัสลับโดยทันที เพราะด้วยหลาย ๆ ครั้งที่ข้อมูลที่ลูกค้าให้มานั้นมักเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย มีเป้าหมายมากมายที่อบากจะได้ หรือข้อมูลกลุ่มเป้าหมายมากมายที่บางครั้งใช้ได้และใช้ไม่ได้อยู่รวมกัน ทั้งนี้เมื่อ Planner หรือ AE ไปรับมาการกลั่นกรองข้อมูลพวกนี้มา หรือตั้งคำถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดมานั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพื่อจะได้ทำงานได้ถูกต้อง รู้วัตถุประสงค์ที่แน่ชัดในการทำงาน รู้ว่าลูกค้าอยากได้อะไร เป้าหมายที่อยากได้คืออะไร และจะวัดผลด้วยอะไรออกมา

Screen Shot 2560-06-26 at 12.45.13 PM

การทำตั้งวัตถุประสงค์ทางธุรกิจให้เกิดขึ้นนั้นว่าเป็นความสำคัญแรก ๆ ของการทำงานได้เลย เพราะวัตถุประสงค์ทางธุรกิจนั้นเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นที่จะทำให้รู้ว่าต้องการอะไรและอยากจะได้อะไรออกมา ซึ่งในหนังสือ Spending Advertising Money in the Digital Age ระบุว่าการเข้าใจแก่นแท้ของวัตถุประสงค์ทางธุรกิจนั้นก็เหมือนกับการทำสะพานขึ้นมา ด้วยการถามว่าตอนนี้ลูกค้าหรือแบรนด์กำลังอยู่จุดไหน และอีกด้านหนึ่งก็ถามว่า แล้วแบรนด์หรือลูกค้าอยากจะไปจุดไหน ด้วยวิธีนี้สามารถทำให้เคลียร์ได้ชัดว่าลูกค้าหรือแบรนด์อยากจะได้อะไร และฝั่งเอเจนซี่นั้นจะได้งานกลับมาได้อย่างถูกต้อง โดยวางแผนมาตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างไรก็ตามนี้แค่เป็นจุดเริ่มต้นของบรีฟงาน เพราะจากข้อมูลของ Warc นั้นพบว่ากว่าครึ่งของบรีฟที่เกิดขึ้นมานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงหนึ่งครั้งเสมอ เพราะฉะนั้นการถามคำถามเพื่อให้ข้อมูลที่แน่ชัดจึงจำเป็นมาก เพราะเมื่อบรีฟเปลี่ยนแต่รายละเอียดหลาย ๆ อย่างมักจะไม่เปลี่ยนตาม และนี้คือคำถาม 5 ข้อที่ควรตั้ง

Screen Shot 2560-06-26 at 12.45.24 PM

1. เราอยู่จุดไหน : เป็นคำถามที่ควรตั้งแต่แรกเพราะเป็นการถามเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของแบรนด์หรือลูกค้าว่าอยู่จุดไหน เช่นเป็นเจ้าตลาด หรืออิ่มตัวในตลาดแล้ว หรือกำลังโต หรือยอดจกลง ซึ่งในจุดนี้คนทำกลยุทธ์ต้องเริ่มถามในเรื่องการเทียบกับคู่แข่งในปัจจุบันว่าเป็นใคร เทียบในด้านราคา การกระจายสินค้า ส่วนแบ่งตลาดและผู้บริโภคที่ซื้อหรือความคิดของผู้บริโภคต่อแบรนด์ลูกค้าและคู่แข่งว่าเป็นอย่างไร การถามคำถามนี้ทำให้รุ้ว่ากำลังจะเผชิญความท้าทายอย่างไรต่อไป ซึ่งผู้ถามต้องแน่ใจได้ว่าจะสามารถได้ความเป้นมาทางธุรกิจลูกค้า บริบทของลูกค้า ประวัติของลูกค้า และจุดแข็งและจุดอ่อนออกมาด้วย

2. อยากจะไป ณ จุดไหน : คำถามนี้จะช่วยให้เรารู้ถึงธุรกิจของลูกค้า การตลาดและเป้าหมายที่ต้องการที่จะเกิดขึ้น ส่วนนี้มีความสำคัญอย่างมากที่จะต้องเข้าใจความต้องการที่แตกต่างกันทั้ง 3 ข้อ และเข้าใจว่าเป้าหมายและการตลาดนั้นจะทำให้ไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร หรือมีส่วนช่วยเป้าหมายในการตลาดได้อย่างไร เช่น เป้าหมายทางธุรกิจคือ มียอดขายโตขึ้น X%  เป้าหมายทางการตลาดคือ เพิ่มความถี่ในการซื้อของกลุ่มเป้าหมาย X% เป้าหมายทางการสื่อสารทางการตลาดคือ สร้างให้เกิดการรับรู้เพื่ออยากจะตัดสินใจใช้แบรนด์เพิ่มขึ้นหรือลองใช้แบรนด์

3. เราจะทำอะไรเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย : คำถามนี้เหมายถึง กลยุทธ์ที่จะนำมาเพื่อทำงานให้ลูกค้าไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้นั้นคืออะไร ลูกค้าจะมีการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์หรือเปิดตัวแอพใหม่ ๆ รึเปล่า ซึ่งกิจกรรมทางการตลาดทุกอย่างเหล่านี้ คนวางแผนทางการตลาดนั้นต้องเข้าใจและจัดลำดับความสำคัญได้ว่าอะไรจำเป็นและไม่จำเป็นที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ เพื่อที่จะวางแผนสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องได้ถูกต้องและแจ้งทีมงานอื่น ๆ เช่นคนทำมีเดีย อีเว้นท์ หน้าร้าน ให้เตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนกลยุทธ์ได้

4. ใครกันที่เราต้องไปคุยด้วย : คำถามนี้จะช่วยให้เราเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการนั้นเป็นใคร การค้นคว้าเรื่อง Segmentation และ Demographic กลุ่มเป้าหมายจะทำให้นักการตลาดหรือคนวางกลยุทธ์นั้นสามารถเข้าใจได้ว่าจะสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างไรให้ถูกค้อง ด้วยความถี่แค่ไหนที่จะเหมาะ สื่อสารที่จุดไหนที่กลุ่มเป้าหมายที่จะสนใจ สื่อสารเมื่อไหร่ที่กลุ่มเป้าหมายจะชอบ และสื่อสารอย่างไรที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายนั้นมีปฏิสัมพันธ์มากที่สุดได้

5. เราจะรู้ได้อย่างไรเมื่อถึงเป้าหมายแล้ว : นี้คือการตั้งคำถามเพื่อหาตัวชี้วัดการทำการตลาดขึ้นมา ซึ่งควรจะวัดก่อนทำกับหลังทำว่าเกิดผลอะไรที่แตกต่างหรือดีขึ้นไหม ซึ่งควรจะมีวิธีการวัดผลที่ชัดเจนว่าเราทำงานได้ประสิทธิภาพรึเปล่า ที่สำคัญคือต้องคอยเช็คผลเป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้การทำงานนั้นหลงทางไปมาก เพราะถ้าเราติดตามผลอย่างตลอดเวลาเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นก็สามารถแก้ไขได้ทันที

ทั้งหมดนี้คือ 5 ข้อที่ควรจะถามเมื่อเริ่มทำงานหรือรับบรีฟกันมา เพื่อให้เคลียร์การทำงานกันทั้งหมด และทำให้งานนั้นมีความแม่นยำในการทำงานอย่างมาก ซึ่งจะทำให้งานนั้นไม่มีปัญหา แถมยังทำให้ได้งานนั้นเร็วขึ้นได้ด้วย เพราะคำถามที่ตั้งนั้นทำให้ได้คำตอบที่ชัดเจนในการทำงาน ไม่ต้องมานั่งกลั่นกรองหรือสกัดข้อมูลอันมากมายจากลูกค้ามาทำงาน


  • 406
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ