EV หรือรถยนต์ไฟฟ้า 100% กลายเป็นเทรนด์โลกที่เรียกว่าอีกไม่นาน จำนวนรถยนต์ EV ทั่วโลกจะมีสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งกับรถยนต์เครื่องยนต์ปกติบวกกับรถยนต์ไฮบริด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องของสิ่งแวดล้อมและเรื่องของราคาน้ำมัน แต่ก่อนจะถึงขั้นนั้น หลายคนยังกังวลการใช้รถยนต์ EV โดยเฉพาะเรื่องของการชาร์จไฟ ไม่ว่าจะเรื่องของจำนวนสถานีชาร์จและระยะเวลาในการชาร์จที่ดูเหมือนจะยังมีข้อจำกัด แม้จะมีการยืนยันในการแก้ปัญหาเหล่านี้
นอกจากเรื่องของการชาร์จแล้ว แบตเตแรี่ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าที่ผู้ใช้รถยนต์ EV ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากในปัจจุบันแบตเตอรี่ที่รถยนต์ EV ใช้อยู่จะเป็นแบบลิเธียมฟอสเฟส ซึ่งข้อดีคือให้กระแสไฟฟ้าที่มีความเสถียรและทนความร้อนสูง ลดโอกาสการเกิดระเบิดจากปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร แต่ข้อเสียของแบตเตอรี่ชนิดนี้คือมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ EV ถูกวางไว้ที่ตำแหน่งใต้ท้องรถ เรียกว่าผู้ใช้รถ EV กำลังเหยียบอยู่บนแผงแบตเตอรี่
ซึ่ง Nissan ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าวางจำหน่ายแบรนด์แรกๆ ของโลก ก็มีการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ EV ด้วยเช่นกัน โดยมีการร่วมมือกับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NASA ในการคิดค้นและพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตท (Solid State Battery) โดยจะเริ่มมีการใช้แบตเตอรี่ชนิดใหม่นี้กับรถยนต์ EV ของ Nissan ในปี 2571
ทั้งนี้ข้อดีของแบตเตอรี่โซลิดสเตทจะมีขนาดที่เล็กกว่าครึ้งหนึ่งของแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนและมีขนาดเล็กกว่าลิเธียมฟอสเฟส นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบาช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มประจุได้ในระยะเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการใช้ “แพลตฟอร์มด้านวัสดุที่เหมาะสม” ซึ่ง AI จะทำการผสมผสานวัสดุหลากพันชนิดมาทดลองเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั่วโลกยังให้ความสนใจกับแบตเตอรี่โซลิดสเตทอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรของ Nissan อย่าง Renault และ Mitsubishi รวมถึง Toyota Motor Corp., Honda Motor Co., Volkswagen, Ford Motor Co. และ General Motors ที่กำลังพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตท โดย Nissan เชื่อว่าการพัฒนาแบตเตอรี่จะเป็นจุดสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนเกมของตลาดรถยนต์ EV ในขณะนี้
Source: Japan Today