รู้ไว้ไม่ตกยุค กับ ‘8 เทรนด์ท่องเที่ยวปี 63’ ที่นักการตลาดต้องรู้

  • 770
  •  
  •  
  •  
  •  

 

อย่างที่เรารู้ ๆ กัน ‘ธุรกิจท่องเที่ยว’ ถือเป็นหนึ่งในตัวจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของบ้านเรา งั้นเรามาดูกันสิว่า ในปี 2563 ที่กำลังจะมาถึง ‘เทรนด์ท่องเที่ยว’ เป็นอย่างไร และมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจ เพื่อผู้ประกอบการจะได้ไม่ตกเทรนด์และเสียโอกาสในธุรกิจนี้

Booking.com ได้ทำการสำรวจกลุ่มนักเดินทางมากกว่า 22,000 คนจาก 29 ประเทศ รวมไปถึงการนำข้อมูลเชิงลึกจากรีวิวของผู้เข้าพักกว่า 180 ล้านรายการที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว มาสู่บทสรุปเทรนด์ท่องเที่ยวในปี 2563 โดยมีเทรนด์สำคัญด้วยกัน 8 ข้อ ได้แก่

1.กระแสเที่ยว “เมืองรอง” จะมาแรงขึ้น

ผู้เดินทางชาวไทยจำนวนมากกว่าครึ่ง (68%) อยากมีส่วนร่วมในการลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง (จาก 54% ของผู้เดินทางทั่วโลก) ส่วน 65% ต้องการเปลี่ยนแผนไปเที่ยวจุดหมายอื่นที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าแต่คล้ายกับของเดิม หากจะช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อกระตุ้นความสนใจนี้ยิ่งขึ้น และผู้เดินทางชาวไทย 79% อยากให้มีบริการ (แอปพลิเคชัน/เว็บไซต์) แนะนำจุดหมายที่หากมีผู้ไปเที่ยวเพิ่มขึ้นแล้วจะช่วยสร้างผลเชิงบวกให้กับชุมชนท้องถิ่นนั้น ๆ

ด้วยเทรนด์ที่เกิดขึ้น บริษัทท่องเที่ยวต่าง ๆ จะตอบสนองต่อความต้องการนี้ โดยเสนอฟังก์ชั่นที่ทำให้ผู้เดินทางสามารถระบุเมืองรอง/ละแวกจุดหมายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นในแวดวงการเดินทาง จะทำให้แคมเปญสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นจำนวนมาก อีกทั้งช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไปสู่การกระตุ้นให้ผู้เดินทางเลือกใช้เส้นทางที่มีการเดินทางไปน้อยกว่าได้สะดวกยิ่งขึ้น

2.ให้เทคโนโลยีคาดการณ์สิ่งที่ไม่คาดคิด

ผู้เดินทางชาวไทยมากกว่า 4 ใน 5 (82%) ต้องการให้ผู้ประกอบการเทคโนโลยีเสนอ “ไพ่เด็ด” และตัวเลือกสุดเซอร์ไพรส์ เพื่อพาไปพบกับประสบการณ์แปลกใหม่ นอกจากนี้ ผู้เดินทางไทยมากกว่าครึ่ง (64%) เน้นว่าระหว่างเดินทางจะใช้แอปพลิเคชันที่ทำให้เลือกดูและจองกิจกรรมแบบเรียลไทม์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ขณะที่ผู้คนจำนวนใกล้กัน (61%) มีแผนที่จะใช้แอปพลิเคชั่นที่สามารถวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ ล่วงหน้า

3.เที่ยวแบบสโลว์ ๆ จะมาแทน #FOMO

แทนที่จะต้องคอยกลัวตกกระแส (Fear of Missing Out หรือ FOMO) และต้องเร่งรีบทำทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเดินทางในปี 2563จะพลิกโฉมไปเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้เดินทางชาวไทยมากกว่าครึ่ง (61%) วางแผนที่จะใช้รูปแบบการเดินทางที่ช้าลง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 3 ใน 4 (78%) อยากเลือกเส้นทางที่ใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพื่อสัมผัสประสบการณ์จากการเดินทางให้มากขึ้น

นอกจากนี้ ผู้เดินทางชาวไทย 75% ไม่เกี่ยงว่า จะต้องใช้เวลาเดินทางไปจุดหมายนานขึ้น หากได้ใช้วิธีเดินทางแบบแปลกใหม่  และ 73% ของนักท่องเที่ยว อยากสัมผัสถึงความรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลา ด้วยการนั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ (เช่น Flying Scotsman หรือ Orient Express) เฝ้ารอปีแห่งการเดินทางสุดพิเศษแบบค่อยเป็นค่อยไปได้เลย

4.ค้นพบการท่องเที่ยวที่สัมผัสความสนุกได้แบบครบครัน

7 ใน 10 ของผู้เดินทางชาวไทย (71%) กล่าวว่า ต้องการออกทริปยาว ๆ สักครั้ง เพื่อไปยังสถานที่ที่มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจสุดโปรดทั้งหมดอยู่ใกล้กัน และอีก 77% ยอมรับว่า จะเลือกจุดหมายที่มีกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจสุดโปรดทั้งหมดอยู่ใกล้กันเพื่อจะได้ประหยัดเวลาเดินทาง

จากเทรนด์นี้จึงทำให้คาดได้ว่า แวดวงการเดินทางจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ผู้เดินทางสะดวกยิ่งขึ้น โดยสร้างแผนเดินทางที่อัดแน่นด้วยความสนุกและสิ่งที่น่าสนใจหลากหลาย ข้อเสนอ และเส้นทางที่จะทำให้ผู้เดินทางได้เที่ยวจุดหมายสนุกครบครันเหล่านี้อย่างเต็มที่

5.สัตว์เลี้ยงต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

เจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวไทย 52% ยอมรับว่า ในปีหน้าจะเลือกจุดหมายพักร้อนโดยอิงจากความเป็นไปได้ในการพาสัตว์เลี้ยงไปด้วย และเจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวน 52% ก็ยินดีที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อพัก ณ ที่พักซึ่งเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง เทรนด์นี้เห็นได้ชัดจากจำนวนที่พักซึ่งยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบน Booking.com

แม้ว่าผู้ประกอบการที่พักจะตระหนักถึงความต้องการนี้ แต่ผู้ประกอบการที่พักทั่วโลกก็ยังคงมองหาวิธีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น ที่นอนสุนัข สปาสัตว์เลี้ยง เมนูรูมเซอร์วิส หรือแม้แต่ห้องอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อสัตว์เลี้ยง ฯลฯ

6.สร้างความทรงจำดี ๆ ด้วย “ทริปสองวัย”

ชาวไทยในรุ่นปู่ย่าตายายเกือบ 3 ใน 4 (74%) ยอมรับว่าการใช้เวลากับหลาน ๆ ทำให้ตนเองได้รู้สึกย้อนวัย โดยอีก 56% เชื่อว่าเหล่าพ่อแม่ก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างโดยไม่มีเด็ก ๆ มารบกวน เมื่อจับคู่กับความจริงที่ว่าผู้สูงวัยทุกวันนี้แข็งแรงกว่า ชอบผจญภัยมากกว่า และกระตือรือร้นที่จะได้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็ก อีกทั้งกระฉับกระเฉงกว่าเมื่อก่อน เราก็จะได้เห็นว่า “ทริปสองวัย” ซึ่งมีกิจกรรมสุดแอคทีฟมากมายให้คนสองวัยได้เข้าร่วมนั้น จะได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกในปีหน้า

7.แข่งกันไปจองร้านอาหาร

เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องท่องเที่ยวในปีหน้า จะเห็นว่าผู้เดินทางต่างให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารเป็นอันดับแรก ๆ โดยต่างแย่งกันจองร้านอาหารดัง ๆ สำหรับหลายคนแล้ว การเลือกจุดหมายและช่วงที่จะเดินทางนั้นเริ่มต้นจาก สามารถจองร้านเพื่ออิ่มอร่อยกับอาหารที่อยากทานมาก ๆ ได้หรือไม่ ซึ่งหลายครั้งหลายคราจะเป็นร้านซึ่งมีคิวยาวเหยียดต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เดินทางชาวไทยส่วนใหญ่ จำนวนถึง 85% กล่าวว่า การได้ทานอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นนั้นเป็นเรื่องสำคัญเมื่อไปทริปวันหยุด

8.ทางลัดที่จะได้ออกเดินทางระยะยาว

ชาวไทยในช่วงอายุ 18-25 ปี จำนวนมากกว่าหนึ่งในสี่ (28%) กำลังวางแผนที่จะเกษียณก่อนอายุ 55 ปี โดยเรื่องที่วางแผนว่าจะทำก็เปลี่ยนไปเช่นกัน สำหรับปี 2563 ผู้เดินทางจะเปลี่ยนแนวคิดและเริ่มวางแผนครั้งใหญ่หลังเกษียณในอนาคต โดยผู้เดินทางชาวไทย 7 ใน 10 (72%) เห็นว่าการออกเดินทาง หรือท่องเที่ยว เป็นวิธีสุดสมบูรณ์แบบที่จะใช้เวลาว่างจากการเกษียณ

ส่วนผู้เดินทางชาวไทยสามในสี่ (73%) วางแผนที่จะทำให้ทริปโลดโผนขึ้นเมื่อเกษียณแล้ว และมากกว่าหนึ่งในสี่ (28%) ของคนที่เกษียณแล้วก็กำลังวางแผน Gap Year กล่าวคือเอาเวลาไปเที่ยวนานหลายเดือนโดยไม่ให้มีเรื่องอะไรมาขัดจังหวะ ซึ่งเป็นการเดินทางที่ผู้เดินทางชาวไทยเกือบ 3 ใน 4 (73%) เห็นพ้องว่าสามารถทำตอนอายุเท่าไรก็ได้

และเนื่องจากการเกษียณและการเดินทางการเป็นเรื่องที่ควบคู่ไปด้วยกันสำหรับกลุ่มคนในหลายช่วงอายุ จึงคาดว่า จะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้เดินทางสามารถเริ่มกระบวนการวางแผนผ่านเงินเก็บสำหรับ “ทริปหลังเกษียณ” โดยเป็นไปในลักษณะที่เปิดโอกาสให้ผู้เดินทาง ปันเงินไว้สำหรับทริปพักร้อนที่ยาวที่สุดในชีวิต

 

 


  • 770
  •  
  •  
  •  
  •