การ ‘ปรับ’ และ ‘เปลี่ยน’ ให้ทันกับเทรนด์โลก รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ถือเป็นหนึ่งหัวใจสำคัญในการวัดความสำเร็จของแต่ละแบรนด์ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ เราจึงได้เห็นการพลิกตำราการทำธุรกิจแบบไม่เคยมีมาก่อนของหลาย ๆ แบรนด์
‘แม็กกี้’ (Maggi) ซอสปรุงรสแบรนด์ดังในเครือเนสท์เล่ที่อยู่ในตลาดไทยมากว่า 60 ปี เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยการประกาศ New business ใหม่ในไทยเป็นแห่งโลกของโลก นั่นคือ Maggi Kitchen เพื่อบุกธุรกิจ ‘ฟู้ดส์ เดลิเวอรี่’ (Food Delivery) ในไทยเป็นแห่งแรกของโลก ซึ่ง ‘เครือวัลย์ วรุณไพจิตร’ ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร และเนสท์เล่โพรเฟชชันนัล ประจำภูมิภาคอินโดไชน่า บอกว่า เป็นอีกเหตุการณ์สำคัญของแบรนด์ในการต่อยอดธุรกิจให้สามารถเติบโตอีกขั้น ตามเทรนด์ของตลาดและผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ประเด็นแรก เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนที่เร่งรีบ จนไม่มีเวลาและทำให้ต้องทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งทางแม็กกี้เองต้องการเป็นส่วนหนึ่งในทุกมื้อของผู้คนไม่ว่าจะรับประทานในหรือนอกบ้าน จึงได้เปิดธุรกิจใหม่นี้ขึ้นมาสำหรับเป็นโซลูชั่น เพื่อเข้าถึง และสร้าง experience อีกรูปแบบให้กับลูกค้า
ถัดมา เป็นการตอบสนองเทรนด์การเติบโตของฟู้ดส์ เดลิเวอรี่ ที่โตแบบก้าวกระโดดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันธุรกิจนี้มีมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท มีการสั่งเฉลี่ยกว่า 140,000 เดลิเวอรี่ต่อวัน และในอีก 3 ปีข้างหน้าคาดว่า ธุรกิจนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตถึง 50,000 ล้านบาท
“ตอนนี้คนมีชีวิตเร่งรีบมาก ทำให้ต้องการความสะดวกสบายส่งผลให้ฟู้ดส์ เดลิเวอรี่เติบโตเร็วมาก แม็กกี้เองก็ต้องการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทุกมื้อของผู้บริโภค ไม่ใช่เฉพาะการรับประทานในบ้านเท่านั้น เพื่อเพิ่มการเติบโตธุรกิจ และสร้าง engage กับลูกค้าให้มากกว่าเดิม”
สำหรับเมนูของ Maggi Kitchen นั้น จะมีทั้งหมด 16 เมนู โดยเน้นเมนูง่าย ๆ ที่มีส่วนผสมของซอสแม็กกี้ ราคาเริ่มต้น 89 บาท แบ่งเป็นเมนู Maggi Kitchen Signature ที่เกิดจากการคิดค้นจากทีมเชกจากแม็กกี้จำนวน 6 เมนู อาทิ ข้าวหมูคาราเมลแม็กกี้ , ข้าวไก่อบแม็กกี้ ฯลฯ
อีกส่วน จะเป็นเมนู Maggi Kitchen X Chef Gigg เมนูที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของ ‘เชฟกิ๊ก-กมล ชอบดีงาม’ แชมป์เชฟกะทะเหล็ก 10 เมนู อาทิ ผัดเส้นจันท์อนุสาวรีย์ชัย , ข้าวผัดน้ำพริกกะปิป้าต้อย ฯลฯ
ตอนนี้ Maggi kitchen มีครัวและจุดบริการ 1 แห่ง ที่เดอะมาร์เก็ต สำหรับให้บริการในรัศมี 8 กิโลเมตร เพื่อเป็นโมเดลทดลองเพื่อเรียนรู้ก่อนจะวางแผนขยายต่อไปอีกครั้ง โดยทำเลที่โฟกัส จะเป็นอาคารสำนักงาน และตามแหล่งที่อยู่อาศัย
“เบื้องต้น Maggi kitchen จะให้บริการผ่าน Grab Food , Food Panda , Lineman และ Gojek ซึ่งอย่างที่บอกตอนนี้อยู่ในช่วงศึกษาและเรียนรู้กับธุรกิจใหม่นี้ ส่วนปลายปี 63 น่าจะเห็นความชัดเจนว่าเราจะขยายหรือปรับต่อไปอย่างไร เป็นความท้าทายของเรา”