[How to] 8 เคล็ดลับ กลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศา

  • 17
  •  
  •  
  •  
  •  

Marketing-ideas-hilight

ปัจจุบันการทำตลาดต้องมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางการวางแผนทั้งหมด รวมถึงแผนกลยุทธ์การตลาดก็เช่นเดียวกัน โดยคุณต้องพยายามสื่อสารกับลูกค้าแบบ 360 องศา ด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป ทั้งแบบ Above the Line และแบบ Below the Line โดยมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ การกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้านั่นเอง มาดูกันว่าอะไรเคล็ดลับในการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศา ดังนี้

1. เว็บไซต์

ถ้าในปีที่ผ่านมาคุณมีเว็บไซต์ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ในปีนี้เราขอให้คุณทุ่มเทกับมันให้มากที่สุด เพราะเว็บไซต์เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เป็นช่องทางสำหรับการสื่อสารกับลูกค้า เป็นการแนะนำตัวเองไปสู่วงกว้าง นอกจากนี้ การมีเว็บไซต์ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณก้าวทันเทคโนโลยี โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคใช้สมาร์ทโฟนตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยากล้มหายไปจากสายตาของผู้บริโภค ก็จงรีบพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบสนองผู้บริโภคทันที

2. สร้างสรรค์คอนเท้นต์

เราทุกคนรู้ว่าคอนเท้นต์เป็น กุญแจสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ สิ่งที่คุณต้องทำคือ พยายามสื่อสารกับคนหมู่มาก และพิจารณาดูว่าวิธีที่ใช้อยู่นั้นได้ผลหรือไม่ ซึ่งในปีนี้คอนเท้นต์ที่กำลังมาแรงสุดๆ มี 3 ประเภท ได้แก่ วิดีโอ (ต้องมีคุณภาพ) บทความ (สาระความรู้ เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากรู้) และรูปภาพ (ที่สื่อความหมายได้)

3. Social Media

คงไม่ต้องบอกกันแล้วว่า Social Media นั้นสำคัญอย่างไร ถ้าที่ผ่านมาคุณทำตลาดพื้นราบอย่างเดียว ลองเพิ่มการใช้ Social Media เข้าไปซะหน่อยก็ดี อาทิ Facebook, Twitter, Instagram, Pinterest และ Google+ เพราะคุณจะได้เชื่อมต่อ สื่อสาร ฟังความคิดเห็น และสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ เมื่อเริ่มทำแล้วก็ต้องพยายามโปรโมทช่องทางเหล่านี้ให้เป็นที่รู้จักให้ได้ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ

4. การตลาดที่เข้าถึงระดับรากหญ้า

การตลาดที่เข้าถึงระดับรากหญ้า หรือ Grassroots Marketing ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดรูปแบบหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มการสื่อสารแบบปากต่อปาก แต่เป็นการเน้นให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย ที่มุ่งให้เกิดการบอกต่อไปยังผู้คนในระดับท้องถิ่น ซึ่งจะครอบคลุมไปทั่วในบริเวณใกล้เคียง ด้วยวิธีง่ายๆ คือ การสื่อสารที่สามารถตอบโต้กันได้ การรับฟังความคิดเห็น ปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนต่างๆ ซึ่งวิธีนี้จะดีกว่าการโฆษณาผ่านสื่อแบบเดิมๆ ที่เป็นการสื่อสารแบบทางเดียว นอกจากนี้ Grassroots Marketing ยังช่วยสร้างโอกาสสำหรับการผลิตคอนเท้นต์ และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์อีกด้วย

5. อีเว้นท์ และการโร้ดโชว์

เพื่อให้การทำตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น การร่วมงานแสดงสินค้า อีเว้นท์ ออกบูธ และโร้ดโชว์ จะช่วยให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น ลองเลือกดูว่างานไหนที่ตรงกับธุรกิจของคุณที่สุด การออกงานแสดงสินค้าจะช่วยให้คุณได้เจอกับลูกค้าโดยตรง และยังทำให้คุณได้อัปเดทเทคโนโลยี หรือทราบความเคลื่อนไหวของคู่แข่งอีกด้วย

6. กลยุทธ์ Co-Branding

พลังของการร่วมมือกันระหว่าง 2 องค์กร (หรือมากกว่านั้น) จะเป็นการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการนำสินค้าของแต่ละบริษัทมาใช้งานร่วมกัน โดยถึงความโดดเด่นของสินค้ามาใช้ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกผูกพันกับแบรนด์สินค้า และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้

7. ประชาสัมพันธ์

ใครบอกว่าการทำประชาสัมพันธ์ต้องจ่ายเงินจำนวนมากอย่างเดียว จริงๆ แล้วมีผู้ประกอบการไม่น้อยที่ไม่ต้องเสียเงินก้อนโตกับเรื่องนี้ ยกตัวอย่างเช่น การสร้างบล็อกหรือเว็บบอร์ดเพื่อให้ทุกคนมาร่วมพูดคุย และแสดงความคิดเห็นในเรื่องเดียวกัน นอกจากนี้ คุณยังสามารถประชาสัมพันธ์แบรนด์ด้วยการออกบูธ หรือป๊อปอัพในสถานที่ที่มีคนเยอะ แต่อย่าลืมว่าในการจัดประชาสัมพันธ์นอกสถานที่แต่ละครั้ง ต้องอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ และไม่ผิดกฏข้อบังคับของสถานที่นั้นๆ

ทว่าการประชาสัมพันธ์ที่กล่าวไปข้างต้นอาจทำให้เข้าถึงผู้บริโภคเพียงบางกลุ่ม ถ้าคุณมีงบประมาณมากขึ้นหน่อย ก็ลองใช้พรีเซ็นต์เตอร์มาช่วยโปรโมทแบรนด์ได้ แต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณจะเลือกคนที่เข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ และลูกค้าได้

8. เครือข่าย และมิตรภาพ

บางครั้งความพยายามของคุณจะไปได้ไกลขึ้นถ้าคุณมีเครือข่าย หรือแวดวงสังคมที่ดี การรู้จักคนเยอะก็จะช่วยให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น ควรออกไปสังสรรค์ พบปะพูดคุยกับคนในวงการเดียวกันบ้าง แต่ต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า มิตรภาพต้องมาเป็นอันดับแรก และธุรกิจเป็นอันดับสอง มิเช่นนั้นคุณอาจจะเสียเพื่อนที่ดีไปก็ได้

แหล่งข้อมูล

 


  • 17
  •  
  •  
  •  
  •