สงครามชิงเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ Facebook หรือ Google ใครจะชนะ

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ในการทำการสื่อสารของการตลาดนั้น การทำโฆษณานั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการทำการสื่อสารเพื่อสื่อสิ่งที่แบรนด์หรือสินค้าออกไปสู่ผู้บริโภค เมื่อความสนใจของผู้บริโภคย้ายลงมาอยู่ในโลกออนไลน์ทำให้การทำการโฆษณาต่าง ๆ หรือการสื่อสารเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคต่าง ๆ นั้นย้ายไปในโลกออนไลน์ด้วย ทำให้เม็ดเงินโฆษณานั้นก็หลั่งไหลจากโทรทัศน์หรือสื่ออื่น ๆ ลงในโลกออนไลน์ด้วย จากการที่ Google นั้นเป็นผู้ถือครองเม็ดเงินนี่มานานเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้มีผู้ท้าชิงรายใหม่ที่พยายามแย่งเม็ดเงินจาก Google มานั้นคือ Facebook

อดีตที่ผ่านมานั้น Google นั้นแทบครองโลกโฆษณาออนไลน์อย่างเด็ดขาด ตั้งแต่การค้นหา, Banner โฆษณา และ การรับชมความบันเทิงต่าง ๆ ซึ่งในยุคนั้นคนนั้นยังไม่มีโลกที่เรียกว่า Social Network นั้นทำให้เงินโฆษณาถือครองอยู่ที่ใน Google เป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อโลกออนไลน์มี social network ขึ้นมาทำให้ความสนใจของผู้บริโภคนั้นแบ่งไป และการมาถึงของ Facebook นั้นทำให้การครอบครองของผู้บริโภคนั้นถูกแย่งชิงไป ทำให้ความสนใจของผู้บริโภคย้ายไปอยู่ในโลกของ ของการสื่อสารแบบสังคมออนไลน์แทน จากที่ Facebook เปิดให้ใช้ฟรีในตอนแรก ทำให้เหล่าแบรนด์และนักโฆษณาต่างเข้าไปใช้อย่างไม่ติดอะไร และในววันนี้ Facebook นั้นก็ไม่ได้เป็นพื้นที่ฟรีออกไป และต้องจ่ายเงินในที่สุดในตอนนี้โลกของเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์นั้นถูกแบ่งให้กลับ Facebook ไปและทำให้ Google  นั้นสูญเสียรายได้ ไปจำนวนมาก

ก่อนอื่นต้องเข้าใจระบบการทำโฆษณาของ Google ก่อนนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง ในระบบของ Google นั้นจะมีระบบโฆษณาที่ให้ตั้งแต่ฝั่ง Publisher ที่ให้เอา Banner โฆษณาของ Google ในไปวางใส่ หรือที่เรียกว่า Adsense จนถึงระบบฝั่ง Advertiser หรือคนลงโฆษณาที่จะมีระบบในการโฆษณาที่มากกว่า เช่น ระบบการวิเคราะห์ Keyword, ระบบการวิคราะห์ Audience และระบบการซื้อขายโฆษณาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Keyword และ Display, Google สำหรับธุรกิจ รวมกระทั่ง Video Format ด้วย นอกจากนี้ Google เองยังมีส่วนที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลและดูแลเรื่อง Performance Campaign ต่าง ๆ เข้าไปอีก พร้อมกับทีม support กับทีม training จาก google มากมายที่พร้อมจะสนับสนุนนักโฆษณาและ Publisher/Content Creator ต่าง ๆ

Screen Shot 2558-07-18 at 3.02.57 PM

ส่วนของ Facebook นั้นพยายามไล่ตามหลัง Google ในเรื่องนี้ โดย Facebook นั้นทำระบบโฆษณาของตัวเองโดยเริ่มจากการขายโฆษณาในการโปรโมทเพจตัวเอง และโฆษณาแบบพรี่เมี่ยมต่าง ๆ และมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการขายโฆษณาเรื่อยมาจนเป็นการซื้อโฆษณาในแบบปัจจุบันที่มี Like Post, Boost Post, Engagement, Install และอื่น ๆ มากมาย Facebook นั้นจะได้ไปทำบริษัทที่เรียกว่า Liverail เพื่อทำหน้าที่ในการให้ Publisher/Content Creator นั้นทำเงินได้จากการเอา inventory มาให้ Facebook นั้นขายต่อ

httpv://www.youtube.com/watch?v=c7WprDevSBw

แต่เมื่อเปรียบเทียบระบบโฆษณาแล้ว Facebook นั้นรู้ตัวเองว่ายังขายระบบหลาย ๆ ส่วน ซึ่งนั้นทำให้ Facebook ไปจดสิทธิบัตรในเรื่องการทำ “Social Networking system Data exchange” ซึ่งเป็นแนวคิดระบบโฆษณาแบบครบวงจรเพื่อเอามาชนกับ Google โดยจะมีระบบที่คล้ายกับ Programactic advertising ที่จะมี trading Desk, Demand site Platform และเชื่อมกับระบบ Ad Server ของตัวเองที่ชื่อ Atlas ซึ่งจะใช้การเก็บข้อมูลที่แม่นยำกว่าการเก็บ Cookies ที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน (ใช้ Facebook’s persistent ID ทำให้ Facebook รู้ว่าเป็นคน ๆ เดียวกันแม้ว่าจะเปลี่ยนเครื่องหรือย้ายไปอุปกรณ์อื่น ๆ)  ตอนนี้รายได้ของ Facebook นั้นกว่า 94% มากจากโฆษณา (ข้อมูลปี 2013-2014) ซึ่งคิดเป็นกว่า 3.32 พันล้านดอลลลาร์สหรัฐ และเพื่อแย่งชิงเค้กก้อนนี้ให้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ Facebook จึงทำระบบโฆษณาหลาย ๆ ตัวออกมาทดสอบอยู่ เช่น การทำระบบแบ่งรายได้ให้ผู้ผลิตวิดีโอที่จะมีโฆษณาเล่นก่อนวิดีโอตัวเอง เพื่อสร้าง Video Platform ตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและได้การลงโฆษณาจากนักโฆษณาให้มากยิ่งขึ้น ระบบโฆษณาวิดีโอ 360 องศาและวิดีโอแนวตั้ง รวมถึงการทำ Platform เพื่อดึงความสนใจของคนใช้เอาไว้เพื่อไม่ให้หนีไปจาก Facebook

AAEAAQAAAAAAAAIcAAAAJDYxOTBiYjg2LTRlZDItNDU4OC1iNGViLTRmYWFhNGMxOWY4Mg AAEAAQAAAAAAAANLAAAAJGFiMTY2MmM2LTM4NDMtNDY4YS05NWY4LTUyMzEyZmEyZGY1Mg

Google เองก็เห็นถึงสงครามนี้จากการมาของ Facebook เอง และสิ่งที่ Google ขาดไปคือข้อมูล social และเป็นสิ่งที่ Google พยายามมานานไม่ว่าจะเป็นการทำ Orkut จนมาถึง Google+ เองแต่ความพยายามนั้นกลับล้มเหลว และทำให้ Google เองนั้นต้องหาข้อมูล Social เข้ามาผนวก ซึ่งด้วยความยามทำให้ Google ต้องทุ่มเงินกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (Google มีเงินสดอยู่ในมือ 64,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในการเข้าครอบครอง Twitter ครั้งนี้เป็นการเดิมพันที่เสี่ยงมาก

นอกจากนี้ Google ยังพยายามพัฒนาระบบโฆษณาตัวเองขึ้นไปอีก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักการตลาด โดยการสร้างระบบที่เรียกว่า   “Doubleclick Audience Center” ซึ่งจะกลายเป็น Onestop service ในอนาคตของในการทำโฆษณาและควบคุมโฆษณาของนักการตลาดกับ Google ระบบนี้จะรวมทุก ๆ ระบบที่อยู่แยกกันของ Google มาอยู่ในส่วนเดียวกัน ทำให้บริหารและจัดการง่ายขึ้น และในข้อดีของ Google ที่มีอยู่นอกจากนี้คือการที่ Google นั้นมีข้อมูลที่อื่นนอกจากโลกออนไลน์เช่น TV ที่มี Android TV และอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ ที่ลงปฏิบัติการ Android เอาไว้ และนี้จะเข้าไปเชื่อมข้อมูลกับระบบโฆษณาของ Google ในอนาคตแน่นอน

Screen Shot 2558-07-18 at 2.40.56 PM

ในตอนนี้นั้นสงครามนี้ยังไม่มีใครชนะแบบเบ็ดเสร็จ นักการตลาดหลาย ๆ คนเฝ้าดูว่า Facebook นั้นจะทำสำเร็จกับเรื่อง Facebook Display Ads หรือไม่ ทั้งนี้นักการตลาดต้องพิจารณาการลงโฆษณาตัวเองต่อไปว่าจะ Target อะไรของคนและควรจะลงเงินไปกับเรื่องอะไร ซึ่งปัจจุบันนั้น Google ยังกินขาดเรื่องการค้นหาอยู่และ Facebook ก็กินขาดเรื่องการปฏิสัมพันธ์ ซึ่งนั้นอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้นักการตลาดพิจารณาได้ว่าจะเลือกลงโฆษณาแบบไหน เพื่อเจาะความต้องการแบบไหนของผู้บริโภค และไม่ว่าสงครามจะเป็นยังไง ข้อดีก็ตกอยู่กับนักการตลาดอย่างเรานั้นเอง


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ