ทำไมคนทำ Agency ยิ่งโต ยิ่งต้องคิดให้เล็ก ๆ

  • 273
  •  
  •  
  •  
  •  

ธุรกิจในปัจจับุนนั้นเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างเห็นได้ชัด นั้นคือไม่ใช่ที่ยุคที่บริษัทใหญ่ได้เปรียบอีกต่อไป แต่กลายเป็นธุรกิจเกิดใหม่ที่เข้าใจผู้บริโภคและสามารถปรับตัวได้เร็ว ทำอะไรได้รวดเร็ว ตัดสินใจได้รวดเร็ว พร้อมที่จะกล้าเสี่ยง ซึ่งทำให้เราจึงเห็นธุรกิจใหญ่ ๆ ที่ไม่เร็วพอพ่ายแพ้ต่อธุรกิจเกิดใหม่เหล่านี้ และหลาย ๆ ธุรกิจใหญ่ที่รู้ตัวก็เริ่มปรับตัวตาม

fish_c

ในทุกวันนี้เราจะเห็นหลักการทำงานที่เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวที่ทำให้ทำงานให้เร็วขึ้นมาที่สุดทั้ง Break the silos, Agile หรือ CMMi ทั้งหมดนั้นมีมาเพื่อทำงานให้เร็วขึ้นให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคนี้เช่นกัน ซึ่งปัญหาการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับกับองค์กรหรือแบรนด์เท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับเอเจนซี่ด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันเราจะเห็นงานของเอเจนซี่ยุคใหม่ที่ออกมาแล้วทำได้ดีกว่าเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่มากมาย หรือกลุ่มคนที่มีความครีเอทีฟที่ไม่ได้ทำงานในเอเจนซี่แต่สามารถสร้างงานที่มีความ Talk of the town รวมทั้งในงานประกวดรางวัลก็จะเห็นเอเจนซี่ใหม่ ๆ ที่เข้าไปอยู่ในการประกวดได้แล้ว ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศนั้นจะเริ่มเห็นเอเจนซี่โฆษณาเล็ก ๆ หรือ Digital Agency ที่เกิดขึ้นมาสามารถแย่ง Pitch งานใหญ่ ๆ ได้เงินเข้าบริษัทไปในหลักล้านดอลลาร์ได้ รวมทั้งชนะกวาดรางวัล  Cannes Lions ไปอย่างมากมาย

independent_agency_of_the_year

สิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนี้ต่อบรรดาเอเจนซี่นั้นคือต้องเริ่มคิดแบบใหม่ที่สามารถปรับตัวให้ทันกับความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้ ความเร็ว ความคล่องตัว การกล้าที่จะ จะเสี่ยงและออกนอกกรอบต่าง ๆ รวมทั้งการคาดหวังงานที่ดีมากกว่าผลกำไร ทำให้กลายเป็นบทเรียนสำคัญของเอเจนซี่ที่กำลังใหญ่ขึ้นมา และมีความเทอะทะในการทำงาน สิ่งที่เอเจนซี่เล็ก ๆ หลาย ๆ ที่กำลังเป็นในยุคนี้คือวิธีการคิดที่เปลี่ยนไปจากในอดีต ซึ่งมีดังนี้

  1. ไม่มีความคิดแบบเอเจนซี่ใหญ่ : ในเอเจนซี่ใหญ่นั้นการได้ลูกค้า ก็หมายถึงการได้ลูกค้าอีกเจ้าหนึ่งเข้ามา เป็นอีกพอร์ตที่จะขึ้นไปอยู่บนเว็บไซต์ว่าได้ทำแบรนด์ลูกค้าหลายนี้ แต่เมื่อเป็นลูกค้ายักษ์ใหญ่ที่ทุกคนอยากได้เช่น Coca-Cola, P&G หรือ McDonalds ที่มี Billing มหาศาล ผู้คนรู้จัก คนในเอเจนซี่นั้นถึงอยากจะทำกันทำให้ลูกค้าที่ไม่ดังนั้นไม่มีใครอยากจะทำ หรือสุดท้ายแล้วจะถูกโยนให้เด็ก ๆ ทำงานเพื่อฝึกหัดการทำงาน แต่ในเอเจนซี่เล็ก ๆ แล้วทุก ๆ ลูกค้ามีความหมายต่อการทำงาน ทำให้ทุกงานนั้นทีมงานจะทุ่มเทให้กับลูกค้าขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าอยู่กับเอเจนซี่ต่อไป ยิ่งคุณเป็นลูกค้าใหญ่มีทรัพยากรที่ทำให้เอเจนซี่นั้นทำงานได้ไม่จำกัด ทำให้เอเจนซี่นี้สามารถทุ่มเทงานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย ทำให้เกิดผลงานดี ๆ ออกมามากมาย
  2. เล็กและคล่องตัว ด้วยคววามเล็กของเอเจนซี่ขนาดเล้ก ทำให้คนทำงานและขั้นตอนต่าง ๆ นั้นน้อยลงไปด้วย นโยบายที่ใช้กับพนักงานก็น้อยมาก ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวเร็วอย่างมาก หรือสามารถ execute ทำแคมเปญต่าง ๆ ได้อย่างทันที สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้แบรนด์อยากจะใช้เอเจนซี่ที่สามารถคิดไว ทำไวและสามารถคิดงานและทำงานได้ตลอดเวลาโดยไม่มีเงื่อนไข
  3. เสี่ยงได้และชอบเสี่ยง เพราะด้วยความเป็นเอเจนซี่ขนาดเล็กและต้องการพิสูจน์ความสามารถ ทำให้ชอบเสี่ยงที่จะทำอะไรต่าง ๆ มากมายเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง สิ่งที่ทำนั้นจะอยู่นอกกรอบจากเอเจนซี่ใหญ่ที่ทำที่จะต้องผ่านการคิดมากมายและไม่กล้าเสี่ยงเพราะกลัวว่าเมื่อทำไปแล้วจะพลาด และเมื่อพลาดจะส่งผลค่อธุรกิจมากมาย นอกจากนี้เอเจนซี่เล็กส่วนใหญ่จะมีความคิดแบบ Can do attitude เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด และทำให้ดีที่สุดออกมา
  4. วัฒนธรรมที่เชื่อมถึงกัน ในเอเจนซี่อิสระ หรือเอเจนซี่เล็ก ๆ นั้นจะอยู่แบบครอบครัว และมีความแน่นแฟ้นแบบทีมอย่างมาก พร้อมที่จะร่วมหัวจมท้ายเข้าไปด้วยกันตลอดเวลา แล้วด้วยคนที่น้อยนี้ทุกคนจะมีเป้าหมายและความเชื่อเดียวกันในการทำงานอย่างมาก ทำให้การทำงานนั้นราบรื่นหรือเวลามีปัญหาก็จะไม่มีเกี่ยงกันทำงานแต่พร้อมที่จะช่วยกันแก้ปัญหาออกมา
  5. ไร้อีโก้ เวลาอยู่ในเอเจนซี่ใหญ่ เราจะเจอมนุษย์อีโก้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Planner จบนอกที่มีทฤษฏีที่เต็มหัวมากมาย และไม่เชื่ออะไรที่คนไม่ได้จบนอกมาบอก หรือไม่มีทฤษฏีมาอ้างอิง หรือเจอกับครีเอทีฟระดับ Cannes Lions ที่ชนะรางวัลมากมาย ที่เชื่อแต่ในความเชื่อตัวเอง ไม่ฟังใคร คิดว่าตัวเองเข้าใจและรู้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้กระบวนการนั้นเกิดความน่าเบื่อในการทำงานแถมทำลูกค้าไม่อยากทำงานด้วย แต่ในเอเจนซี่เล็ก ๆ ทุกคนนั้นจะร่วมแรงร่วมใจในการทำงาน ไม่มีอีโก้ ทุกคนเปิดอกคุยกัน และพร้อมที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ไปเพื่อพัฒนาความสามารถเอเจนซี่ไปด้วยกัน

ทั้งนี้ในปี 2017 นี้ความเร็วและการรับมือเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมปรับตัวกับผู้บริโภคยุคใหม่ได้จะมีความสำคัญมากกว่าในปี 2016 อย่างแน่นอน เอเจนซี่ที่ยังใหญ่เทอะทะ คิดว่าตัวเองมีพร้อมนั้นอาจจะกลายเป็นดาบสองคมแทนในยุคนี้


  • 273
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ