TV นั้นตายแล้ว และ TV จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

  • 400
  •  
  •  
  •  
  •  

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวออกมาว่าช่อง 3 นั้นขาดทุนหลายล้านบาท และช่อง Digital TV หลาย ๆ ช่องก็ล้มหายตายจากไป เพราะไม่สามารถสู้ศึกในครั้งนี้ได้ มีหลาย ๆ คนนั้นบอกว่า TV จะตายหรือกำลังเป็นสื่อขาลงและการดูรายการออนไลน์ผ่านช่องทางอย่าง Line, Facebook หรืออื่น ๆ กำลังมาแทน ทั้งหมดนี้จริงหรือไม่จริง ว่าทีวีนั้นตายแล้วจริงไหม

TV นับว่าเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมากมานานนับสิบ ๆ ปี สามารถเข้าถึงคนได้จำนวนมากมาย และเป็นสื่อที่นักการตลาดยึดถือเป็นสื่อหลัก ๆ มานาน ในการทำแคมเปญสื่อสารทางการตลาดต่าง ๆ ทุก ๆ ไอเดียย่อมมีแกนไอเดียมาจาก TVC  ทั้งหมด แต่เมื่อมาในยุค 20 ปีมานี้ สื่อ TV ถูกคลื่น Digital โจมตีอย่างเห็นได้ชัดทำให้เกิดการถดถอยของสื่อ TV ซึ่งจากการมาของ Digital นี้ทำให้รายการทีวีหลาย ๆ รายการนั้นเรตติ้งตก หรือรายการและช่องต่าง ๆ ต้องยุติรายการไปอย่างมากมาย ทั้งนี้ด้วยการถดถอยนี้ทำให้หลาย ๆ คนมักพูดว่า TV นั้นตายแล้ว หรือการทำ TV นั้นไม่ได้ผลอีกต่อไป คำพูดนี้มีทั้งความถูกและไม่ถูกอยู่ทั้งคู่ นักการตลาดควรจะเข้าใจบทบาทของแต่ละสื่อ และอย่ายึดติดกับกระแสหรือเครื่องมือมากเกินไปว่าจะต้องเป็น Digital เท่านั้น

Screen Shot 2560-02-25 at 5.26.03 PM

ในปี 2016 นั้นมีงานวิจัยจาก Les Binet และ Peter Field ที่วิเคราะห์ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ Advertising Campaign นั้นได้ผลต่อผู้บริโภค ทั้งคู่นั้นได้ใช้ข้อมูล Case Study ต่าง ๆ จาก IAB มาวิเคราะห์จนสามารถได้ insight ที่น่าสนใจอย่างมากออกมา แน่นอนผลที่ได้ถ้ามองแบบผิวเผินคือการที่ Digital นั้นสามารถสร้างการตลาดที่เข้าถึงตัวบุคคลไดัอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ TV ไม่สามารถทำหน้าที่เช่นนี้ได้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ด้วยการที่ผู้บริโภคเลือกสื่อได้เอง หรือเลือกเนื้อหาที่จะบริโภคได้ตามความต้องการ ไม่ว่าที่ไหน และเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้การดู TV นั้นลดลงอย่างมาก ทำให้หลาย ๆ คนมักจะสรุปว่า TV นั้นตายแล้วอย่างแน่นอน แต่เมื่อเข้าไปดูพฤติกรรมของผู้บริโภคจริง ๆ จะพบว่า อัตราการดูทีวีลดลง แต่ไม่ได้ลดลงจนหน้าใจหายเมื่อเทียบกับการเติบโตการดูเนื้อหาผ่าน Digital

Graph-2-1440x738

สิ่งที่ต้องมองใน TV ปัจจุบันว่าคนเลิกดู TV ต้องจำแนกดี ๆ ว่าคนเลิกดู Content บน TV หรือคนเลิกดู TV นั้นแทน เพราะถ้าจะบอกว่าคนเลิกดู TV หรือ TV นั้นไม่ได้ผล นั้นแปลว่าคนนั้นไม่ดู TV เลย แต่ปรากฏว่าในปัจจุบันเองรายการดัง ๆ หลาย ๆ รายการนั้นก็มีการสร้าง Content ที่น่าสนใจอย่างมากจนสามารถดึงดูดให้คนนั้นดูทีวีได้ เช่น ช่อง Workpoint ที่สามารถสร้างให้ Content ของตัวเองเป็นที่น่าสนใจจนสามารถดึงให้คนนั้นติดตามผ่านทีวี และขาย Content ออกไปยังภูมิภาคและต่างประเทศได้อีกด้วย หรือนอกจากนี้ในละครต่าง ๆ ที่มีคนติดตามในช่อง 3 และช่อง 7 ก็ยังมีคนติดตามดูอยู่เช่นกันอย่างมาก นอกจากนี้ถ้าใครดู Series ต่างประเทศนั้นก็จะเห็นว่าที่ผ่านมาใน Series ของช่อง HBO ก็มีคนรอคอยดู Series  ชุดนี้แบบสด ๆ ผ่านช่อง HBO อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงว่าแท้จริงแล้ว TV นั้นไม่ได้ตาย แต่คนนั้นเลือก Content ที่อยากจะดู TV มากกว่าว่าอยากจะดูอะไร

httpv://www.youtube.com/watch?v=IuS5huqOND4

สื่อ TV นั้นต้องปรับตัว การคิดว่าจะทำ Content อะไรขึ้นไปก็ได้แล้วคนจะดูเหมือนในอดีต โดยไม่มีปากเสียงนั้นไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว แต่ต้องสร้าง Content ที่เข้าใจผู้บริโภคออกมา หรือทำให้ผู้บริโภคได้ปฏิสัมพันธ์กับรายการหรือเนื้อหานั้นอีกด้วย เช่นรายการ The Voice ในอเมริกาเอง จะมีการใช้ TV ในการถ่ายทอดรายการออกมา แต่จะสร้างปฏิสัมพันธ์ของรายการเองผ่านทาง Twitter  ไม่ว่าจะเป็นพิธีกร กรรมการ ผู้เข้าแข่งขัน ตลอดจนผู้ชมก็ปฏิสัมพันธ์พูดคุยกันผ่าน Twitter รวมทั้งทำเบื้องหลัง คลิปพิเศษ ต่าง ๆ ลงไปในช่องทางออนไลน์ เพื่อกระตุ้นให้คนติดตามรายการต่อไป หรืออย่าง Series The Walking Dead นั้นจะมีการติดตามกระแสผ่านช่องทางออนไลน์ทุกครั้งเมื่อ Series ออกฉาย เพื่อดูปฏิสัมพันธ์คนในออนไลน์ว่ามีการพูดคุยอย่างไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่องหรือตัวละคร เพื่อนำมาปรับปรุงสร้างตอนต่อไปให้ถูกในให้คนติดตามได้ เราจึงเห็นข้อความและกระแส The Walking Dead อย่างมากในตอนที่สำคัญ การทำ TV ต้องปรับตัวให้ใช้สื่อทั้งที่ตัวเองมีและช่องทางออนไลน์ได้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น ยิ่งใครเล่นเกมนี้เป็นยิ่งสามารถเอาชนะในเกมนี้ได้อย่างแน่นอน

httpv://www.youtube.com/watch?v=ZZ6mI8wW-fQ

นักการตลาดต้องปรับตัว ต้องหยุดคิดว่า TV นั้นไม่ได้ผล แต่ต้องคิดว่าจะใช้ TV ในหน้าที่อย่างไรให้ได้ผลมากกว่า เพราะสื่อแต่ละสื่อนั้นก็มีข้อดีของมัน เช่นห้าง JohnLewis ของต่างประเทศที่ทำคลิปโฆษณาคริสต์มาสในปีที่แล้วอันโด่งดังก็เริ่มจากทำโฆษณาบน TV ออกฉายไปทั่ว และนำมาขยายผลต่อในออนไลน์ด้วยคลิปที่ยาวขึ้นกับเบื้องหลังต่าง ๆ ออกมา และใช้ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ในการสร้างปฏิสัมพันธ์ ทำให้การขายในตอนคริสต์มาสนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 36%

httpv://youtu.be/sr6lr_VRsEo

สิ่งสำคัญของการตลาดในยุคนี้ไม่ใช่มุ่งเป้าไปยังสื่อใดสื่อหนึ่ง แต่เป็นการสร้าง ecosystem  ของ Campaign นั้นให้ดีที่สุด เช่นใช้ TV  ในการกระจาย Content ที่ดีออกไป และใช้สื่อ Digital เจาะในรายคนเพื่อขยายผลของ Campaign นั้นต่อ ทำให้ผู้บริโภคนั้นเกิดความอิ่มเอิมกับประสบการณ์ทั้งหมดที่ต้องเจอ ทั้งนี้ TV นั้นยังไม่ตาย แต่ Content ที่ไม่ดีบน TV นั้นตายมากกว่า


  • 400
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ