กางแผนธุรกิจปี 2018 ของแสนสิริ กับการเปิดตัว 31 โครงการที่มากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

  • 97
  •  
  •  
  •  
  •  

20180129_142916

“แสนสิริ” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เดินเครื่องแรงรับปี 2018 ประกาศเปิดตัว 31 โครงการ มูลค่ารวม 63,200 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 53% มูลค่ารวม 33,500 ล้านบาท 12 โครงการ, บ้านเดี่ยว 32% มูลค่ารวม 20,100 ล้านบาท 8 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 15% มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท 11 โครงการ ปีนี้แสนสิริยังวางงบสำหรับซื้อที่ดินในปีนี้ไว้กว่า 15,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายรวม 30,000 ล้านบาท

sansiri

คุณอุทัย อุทัยแสง ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัตการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ปีนี้บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด และทาว์นเฮ้าส์ ในกรุงเทพฯ 77% และต่างจังหวัด 13% รวม 31 โครงการ ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ราคาเฉลี่ย 5-6 ล้านบาท โดยเหตุผลที่ทำให้แสนสิริรุกตลาดอสังหาฯ เต็มสูบในปีนี้ มาจากยอดพรีเซลล์ที่ตั้งไว้ในปีนี้ 45,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมาจากคอนโดฯ 65% และบ้านเดี่ยว/ทาวน์เฮ้าส์ 35%

ในไตรมาสแรกของปีนี้ วางแผนเปิดตัว 3 โครงการบ้านเดี่ยว (แบรนด์บุราสิริ พัฒนาการ, บุราสิริ บางนา และ เศรษฐสิริ) และ 1 โครงการคอนโด มูลค่ารวม 12,700 ล้านบาท สำหรับทิศทางการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด แสนสิริเจาะไปที่หัวเมืองใหญ่ และเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ เชียงใหม่, ขอนแก่น, ภูเก็ต, หัวหิน, พัทยา และหาดใหญ่

20180129_143016

ก้าวสู่โร้ดแมพ “Tomorrow is Unfolded”

สำหรับปี 2018 แสนสิริ ยังคงสานต่อความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ภายใต้ 7 Key Success สำคัญ ได้แก่

1. แสนสิริตั้งเป้ายอดขายในตลาดต่างชาติเพิ่มขึ้น 40% หรือ 13,000 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเอเชีย ด้วยการเปิดสำนักงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยฮ่องกงเป็นแห่งที่ 6 รวมถึงขยายไปสู่ประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลี ไต้หวัน และสร้างฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้นในญี่ปุ่น

2. สานต่อกลยุทธ์การเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยการเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ สำหรับกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย จะมีโครงการใหม่จากการลงทุนร่วมกับบีทีเอสและโตคิว กรุ๊ป อีกประมาณ 4-6 โครงการ มีมูลค่ารวมประมาณ 12,000-19,000 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนเปิดโครงการที่พักอาศัย The Standard Residence และ Monocle Residenceเป็นครั้งแรกของโลก ส่วนในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ JustCo บริษัทได้เตรียมเปิด 4 สาขา โดยจะเปิด 2 สาขาแรกที่อาคาร AIA Sathorn ในเดือนพฤษภาคม และอาคาร All Seasons Place ในเดือนสิงหาคม และมอบสิทธิพิเศษให้ลูกบ้านแสนสิริเข้าใช้บริการ ส่วน Hostmaker จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ลูกบ้านและสร้างเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ

20180129_140558

3. ปีนี้น้ำหนักของการทำธุรกิจ แสนสิริเทไปที่ตลาดทาวน์เฮ้าส์ค่อนข้างมาก ซึ่งสอดรับกับเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มซื้อโครงการทาวน์เฮ้าส์มากขึ้นประกอบกับความต้องการของทาวน์เฮ้าส์ในตลาดนั้นสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปีนี้แสนสิริจะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮ้าส์ใหม่ทั้งหมด 11 โครงการ รวมมูลค่า 9,600 ล้านบาท

4. สร้างความแตกต่างด้วยดีไซน์ ภายใต้ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตรอบด้าน พร้อมเปิดตัวคอนโดใหม่ 4 โครงการ ที่มีดีไซน์เฉพาะตัวออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการสร้าง Lab 2025 เพื่อทดสอบนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับห้องและบ้านในอนาคต รวมถึงมีแคมเปญ New Generation of young design เพื่อเปิดรับเด็กรุ่นใหม่ที่พกพาไอเดียที่น่าสนใจมาผนวกกับความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ เพื่อพัฒนาโครงการและบริการที่ตรงใจคนรุ่นใหม่ได้ดียิ่งขึ้น

5. สานต่อ Digital Transformation Chapter 2 โดยมุ่งเน้น 3 ด้านได้แก่

20180129_141337
• พัฒนาเทคโนโลยีและมองหานวัตกรรมที่นำมาต่อยอดได้สำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม
• ลงทุนต่อยอดโดยมีสิริ เวนเจอร์สเป็นหน่วยงานหลัก ด้วยแผนลงทุนระยะยาว 3 ปี งบประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยจะเน้นงาน 3 ด้าน คือ การลงทุนในสตาร์ทอัพ ความร่วมมือในการผลักดันการสร้างระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพ ร่วมกับเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก อาทิ SOSA และ Plug and Play รวมไปถึงการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมเพื่อพัฒนา Home Service Application ช่วยยกระดับความสะดวกสบายและการใช้ชีวิตของลูกค้า
• ปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในองค์กร เพื่อให้การทำงานนั้นมีความคล่องตัวและก้าวเท่าทันยุคดิจิทัล โดยการมุ่งเน้นทั้ง 3 ด้านนี้ จะทำให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรมได้แก่ Product นำเทคโนโลยีอย่าง AI, IoT, Wearable และ Robot มาใช้, บริการ ยกระดับการบริการลูกค้าผ่าน Home Service Application 2.0 พร้อมฟังก์ชัน Thai Voice Command ที่พร้อมเปิดตัวให้ลูกบ้านทุกคนใช้ในไตรมาส 1 ปีนี้ และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร โดยการนำแพลตฟอร์มมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้แก่ ระบบ Salesforce และ ระบบ Primavera

6. ขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต ผ่าน 3 แนวคิด ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics), สร้างแรงจูงใจให้บุคลากรคนรุ่นใหม่อยากมาทำงานกับแสนสิริ ด้วยการทำให้พวกเขามีความสุขและกระตือรือร้นในการทำงาน รวมถึงลดขั้นยุ่งยาก มีอิสระทุกการทำงาน และเปิดรับทุกความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างความมั่นคงในการทำงาน (Life-long Employability)

7. ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ผ่าน 3 แกนหลัก ได้แก่
• Environment อาทิ ลดการใช้กระดาษ (Paperless) ลดคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ผ่านการลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น เป็นต้น
• Social – ที่ผ่านมาแสนสิริได้ร่วมกับยูนิเซฟเพื่อพัฒนาสิทธิเด็กในประเทศไทยมานานกว่า 7 ปีแล้ว และยังจัดกิจกรรมสำหรับเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กในไซต์งานก่อสร้าง นอกจากนี้ยังเน้นการออกแบบโครงการต่างๆ ให้ทุกคนสามารถใช้งานได้เท่าเทียมกัน หรือที่เรียกว่า Universal Design
• Good Governance – ยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงานอย่างโปร่งใส ถูกต้อง


  • 97
  •  
  •  
  •  
  •