วิดีโอบนโซเชียล มีเดีย หรือเรียกง่ายๆ ว่า Social video ขณะนี้มีอยู่ทุกที่ เห็นได้ง่ายๆ จากที่ทุกครั้งที่คุณเช็คบน Facebook คุณจะพบว่าเพื่อนๆ ของคุณจะมีการ Live บ้าง หรือไม่ก็โพสต์วิดีโอต่างๆ บ้าง ไม่ว่าจะแพล็ตฟอร์มไหนก็ตาม ทั้ง Youtube หรือ Snapchat ก็จะมีวิดีโอปรากฏขึ้นเสมอ
และทั้ง Facebook และ Snapchat ซึ่งทั้งสองแพล็ตฟอร์มนี้ก็บริการผู้ใช้มากกว่าพันล้านคน และมีผู้คนรับชมวิดีโอผ่าน 2 โซเชียลฯ นี้จำนวนมหาศาล ในขณะที่ Youtube เองก็มีรายงานว่ามีผู้ชมรับชมคอนเทนต์เป็นพันล้านชั่วโมงในทุก 1 วัน
นอกจากนี้ ยังมีสถิติตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเติบโตของวิดีโออีก โดยพบว่า ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจะรับชมวิดีโอออนไลน์เพิ่มขึ้นอีก 80% ในปี 2020
และผลการศึกษาของ eMarketer ยังระบุว่าค่าเฉลี่ยการใช้จ่ายโฆษณาในรูปแบบวิดีโอของสหรัฐฯ ซึ่งใช้ทั้งโมบายและเดสก์ท็อปไปพร้อมกัน ในปี 2016 เกือบแตะมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญฯ
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กันว่าในปี 2019 การใช้จ่ายโฆษณาวิดีโอของสหรัฐฯ จะแตะอยู่ที่ 14,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเกือบ 50% มาจากวิดีโอบนมือถือ
และถ้าเป็นเช่นนี้ธุรกิจของคุณจะทำเช่นไร เพื่อปรับตัวให้รับกับเทรนด์ของ Social video นี้ ดังนั้น บทความนี้เรามีคำแนะนำดีๆ ที่จะทำให้คุณสามารถใส่วิดีโอคอนเทนต์ลงไปโซเชียลมีเดียอย่างไรที่จะประสบความสำเร็จ
1. เลือก Channels ที่เหมาะสม
อย่างที่กล่าวว่าเมื่อวิดีโอเริ่มเป็นกระแสที่ผู้คนนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น หลายๆ แพล็ทฟอร์มจึงสร้างฟีเจอร์ Live ขึ้นมามากมาย ทั้ง Facebook Live, Instagram, Youtube หรือ Periscope (จาก Twitter) ถ้าเช่นนั้นเราจะเลือกใช้ช่องทางไหนดี
ทั้งนี้ คำแนะนำของ Nick Cicero, the founder and CEO of Delmondo กล่าวว่า คุณต้องถามตัวเองว่า จำนวนคอนเทนต์ที่น้อยที่สุดแต่เข้าถึงผู้คนได้มากที่สุดคืออะไร? ช่องทางไหนที่ผู้ชมของคุณใช้มากที่สุด? เช่นถ้าคุณมีฟอลโลว์ในทวิตเตอร์จำนวนมากการใช้ Periscope ก็เป็นเรื่องที่ดี หรือถ้า Facebook คือเมนหลักของคุณ การใช้ Facebook Live ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ซึ่งการพิจารณาข้อหลักๆ เหล่านี้ก่อนจะดีกว่า เพราะอย่าลืมว่ามีแพล็ตฟอร์มใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา และคุณไม่สามารถลงมันได้หมดทุกอัน
2. สร้างสรรค์คอนเทนต์เวิร์คๆ
วิดีโอสนุกๆ ตลกๆ มักจะได้รับการแชร์เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ส่วนวิดีโอ How to มักจะอยู่ท่ามกลางคอนเทนต์ที่จำเป็นต้องใช้การเสิร์ชค้นหาบน Youtube เป็นส่วนใหญ่และยังเป็นวิธีที่ดีที่จะเชื่อมโยงเข้าหาผู้บริโภคได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง Nick Cicero ระบุว่า การทำคอนเทนต์แบบ Episode หรือแบบเป็นตอนๆ ก็เวิร์คและน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว มันเป็นวิธีที่เยี่ยมยอดในการแสดงถึงบุคลิกของแบรนด์ ซึ่งสร้างสรรค์ออกมาเป็นแบบซีรี่ย์และต้องมีทั้งความสนุกและน่าแชร์ส่งต่อออกไป
แต่อะไรก็ตามที่คุณเลือก สำคัญที่สุดคือ คุณจำเป็นที่จะต้องผสมผสานบุคลิกของแบรนด์ลงไปในวิดีโอและบอกเล่าผ่านเรื่องเราวที่สอดคล้องกับคอนเทนต์นั้นๆ ลงไปด้วย
3. ทลายกำแพงระหว่างคุณกับ user ลง
ทริคนี้ง่ายๆ เลย เพียงแค่คุณลองถาม user ว่าคอนเทนต์ประเภทไหนกันที่พวกเขาต้องการ คำแนะนำจาก Shanda Maloney, the former social media director for the UFC กล่าวว่า เราก็เพียงแค่ลองถามแฟนๆ ของคุณถึงสิ่งที่เขาต้องการจะเห็นแล้วก็สร้างเป็นเซอร์ไพรส์ออกมาเป็นคำตอบให้กับพวกเขา
4. ทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ข้อนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าคุณจะทำวิดีโอในแบบ Live หรือเป็นวิดีโอที่บันทึกเอาไว้ ข้อสำคัญคือคุณจะต้องฟีดมันขึ้นอย่างสม่ำเสมอตามตารางเวลา เพื่อที่ผู้ชมของคุณจะได้ติดตามมันได้ตรงตามเวลาและไม่พลาดคอนเทนต์ของคุณ เช่นเดียวกับ โปรแกรมรายการต่างๆ ของทีวี เช่น ละคร ซีรี่ส์ หรือเกมโชว์ที่มาตามเวลา
สร้างความน่าเชื่อถือและทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จุดนี้จะช่วยบูสต์วิดีโอของคุณได้
5. อย่ากลัวที่จะ Live วิดีโอ
จุดนี้ Nick Cicero กล่าวว่า ผู้คนส่วนใหญ่จะกลัวและเกร็งกับการนำตัวเองออกสู่สาธารณะ แต่การ Live วิดีโอมันคือวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างเอ็นเกจกับลูกค้าของคุณได้
“คุณไม่จำเป็นต้องใช้งบด้านการตลาดจำนวนมหาศาลเลย คุณสามารถที่จะยิง Live วิดีโอผ่านมือถือของคุณอย่างง่ายๆ คุณอาจจะไม่สามารถคาดหวังว่าจะได้ผู้ติดตามจำนวนมากได้ แต่มันจะเป็นประตูไปสู่เอ็นเกจให้กับผู้ชมและสร้างประสบการณ์สนุกๆ ให้เกิดขึ้นร่วมกันได้”
บทสรุป
Live video คือเทรนด์ที่น่าจะเกิดขึ้นในปี 2017 นี้ ดังนั้น หลายๆ แบรนด์ควรที่จะหยิบขึ้นมาใช้เพื่อสร้างให้เข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมาก อีกวิธีที่น่าสนใจคือ การนำ Influencers เข้ามาช่วยแบรนด์ในการออพติไมซ์วิดีโอและกระจายวิดีโอให้เข้าถึงผู้ชมได้เป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น หรือในหลายๆ ธุรกิจก็มีการนำมือโปรจากสตูดิโอมาช่วยในการเพิ่มคุณภาพของวิดีโอคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้นได้ เพราะอย่าลืมว่าทุกคนสามารถที่จะสร้างวิดีโอและบรอดแคสท์มันออกมาได้ แต่สิ่งที่จะทำให้เกิดความแตกต่างก็คือคุณภาพของคอนเทนต์ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้วิดีโอของคุณได้รับการยอมรับมากกว่ารายอื่นๆ
ลองทำตามทิปส์ง่ายๆ เล่านี้ดู อาจจะทำให้ วิดีโอคอนเทนต์ของคุณน่าสนใจและได้รับเอ็นเกจเมนต์ที่คาดไม่ถึงเลยก็ได้.