3 ขั้นในการสร้างตัวตนแบรนด์ให้รอด

  • 45
  •  
  •  
  •  
  •  

แบรนด์นั้นจะทำงานได้มีประสิทธิภาพอย่างมากเมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นใครมีบุคลิกลักษณะอย่างไรและควรจะสื่อสารด้วยอารมณ์ประมาณไหนเพื่อที่จะจะจับกลุ่ม Target ที่มีรูปแบบตรงกับตัวตนของแบรนด์ที่ตั้งขึ้นมาด้วยเหตุนี้การสร้างแบรนด์จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการการตลาดในการสร้างความแตกต่างของคุณกับคู่แข่งและทำให้ผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายนั้นเกิดการจดจำแบรนด์ของคุณขึ้นมาได้นั้นเองยิ่งในยุคนี้ที่ตัวเลือกทางการตลาดนั้นเยอะมากการสร้างแบรนด์ให้รอดนั้นกลายเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้การตลาดที่ทำออกมาที่เหลือนั้นจะอยู่หรือไปเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้การสร้างแบรนด์ที่ดีนั้นมักจะเริ่มจากการใช้หลักการทาง Psychology ซึ่งนิยมใช้หลักของ Carl Jung มาใช้ในการสร้างตัวตนต่างๆออกมาซึ่งโดยทฤษฎีของ Carl Jung นั้นระบุว่าแท้จริงแล้วจิตไร้สำนึกของมนุษย์นั้นประกอบด้วยอัตลักษณ์ต่างๆที่สามารถจัดกลุ่มตามนิทานปรัมปราออกมาได้นั้นเองด้วยไอเดียนี้ที่เกิดขึ้นมาทำให้มีผู้พัฒนาทฤษฎีเข้ามาสู่การสร้างแบรนด์และจัดอัตลักษณ์ที่เรียกว่า  Archetype ออกมาได้ทั้งหมด 12 แบบขึ้นมา ซึ่งในคน ๆ หนึ่งอาจจะมีลักษณะเด่นและลักษณะด้อยผสม ๆ กับตาม Archetype เหล่านี้ ซึ่งด้วยหลักการนี้ทำให้หลาย ๆ เอเจนซี่โฆษณานั้นนำมาปรับใช้ในการสร้างแบรนด์ขึ้นมา และทำให้รู้ว่าด้วยการสร้างแบรนด์เหล่านี้ตัวตนของแบรนด์คุณนั้นกำลังจะสื่อสารกับใครออกไป เพราะในความจริงแล้วแบรนด์นั้นไม่สามารถสื่อสารกับทุก ๆ คนได้ แต่ต้องสื่อสารกับกลุ่มที่ Archetype ของตัวเองไปจับนั้นเอง เช่น Brand รังนก ที่เป็น Lover ก็สื่อสารกับกลุ่มคนที่รักแม่ หรือ Harley Davidson ที่เป็น Rebel นั้นก็สื่อสารกับกลุ่มที่เป็น Anarchy หรือกบฏต่อสังคมนั้นเอง 

เพราะฉะนั้นการสร้างแบรนด์ที่ดีนั้นจะอิงอยู่บนพื้นฐานคือมี Archetype ที่ตรงกับตัวเองและกลุ่มเป้าหมาย, Positioning ที่ชัดเจนและสื่อสารตาม Archetype นั้นออกมาการที่อยากจะเป็นอะไรหลายๆอย่างหรือทำอะไรที่ไม่ตรงกับตัวเองนั้นจะกลายเป็นจุดหายนะของการทำแบรนด์ในทันทีทั้งนี้เพื่อที่จะทำให้แบรนด์นั้นอยู่รอดได้ต่อไปในอนาคตนั้นการทำ 3 ขั้นตอนนี้จะสำคัญอย่างมากในการสร้างแบรนด์ขึ้นมา 

1. เลือก Archetype ให้ดี : หลายๆครั้งแบรนด์มักเลือก Archetype ที่ไม่ตรงกับตัวตนของตัวเองแต่เลือกเพราะอยากจะเอาใจหรือจับกลุ่ม Consumer ขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นคือจะกลายเป็นความขัดกันทางการแสดงออกของแบรนด์นั้นเองดังนั้นการเลือกตัวตนที่ใช้ของแบรนด์เข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละ Archetype ว่าเป็นอย่างไรรวมถึงเข้าใจว่าเมื่อเลือก Archetype มาแล้วต้องสื่อสารแบบตัวตนที่เลือกมาตลอดไปนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก 

2. Authentic : จงมีความสื่อสัตย์ในการสื่อสารหรือมีความจริงใจในการสื่อสารจากการเลือก Archetype ของตัวเองขึ้นมาเพราะถ้าตัวตนของแบรนด์คุณไม่ได้เป็นอย่างที่สื่อสารแล้วละก็อาจจะเกิดกรณีหายนะได้อย่างทันทีซึ่งเคยมีกรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตกับสายการบิน Delta ที่ตามกระแสจนหลุดออกนอกกรอบของแบรนด์ตัวเองออกไปทำให้เกิดกรณีโจมตีขึ้นมาในความจริงใจของแบรนด์อย่างทันทีผู้บริโภคมองเห็นความพยายามที่จะปลอมแปลงสร้างกระแสหรือพยายามจะจับกระแสจนเกินไปจนเกิดการต่อต้านแบรนด์ขึ้นมาทันทีแน่นอนผลคือแบรนด์เสียหาย 

3. ทำให้ได้ตลอด : สุดท้ายนี้เป็นเรื่องที่แบรนด์ไทยหลายๆแบรนด์นั้นขาดไปเพราะหลายๆแบรนด์ไทยมักไม่ได้สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งออกมาทำให้การสื่อสารในแต่ละปีจะเกิดการสะเปะสะปะอย่างมากอย่างปีนี้พูดอย่างหนึ่งปีหน้าพูดอีกอย่างหนึ่งทำให้ผู้คนต่างสับสนว่าตกลงแล้วแบรนด์นี้กำลังมีตัวตนแบบไหนหรือกำลังต้องการจะสื่อสารกับใครกันแน่เหมือนคนที่ไม่มีบุคลิกหรือเลวร้ายกว่ามีหลายบุคลิกซึ่งแน่นอนทำให้ผู้บริโภคเสียความน่าเชื่อถือไปอีกอย่างมาก 

ด้วยการที่ทำตาม 3 ขั้นตอนนี้อย่างเคร่งครัดจะทำให้แบรนด์ของคุณนั้นมีความแข็งแกร่งและตอกย้ำภาพของแบรนด์นั้นลงไปในความทรงจำของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ขึ้นมาและแน่นอนผู้บริโภคที่ตรงกับแบรนด์คุณนั้นย่อมมาหาแบรนด์คุณด้วยการที่มีนิสัยใจคอเดียวกันความชอบและอัตลักษณ์แบบเดียวกันขึ้นมานั้นเองแถมสิ่งสำคัญคือทำให้การตลาดของคุณนั้นประหยัดงบประมาณลงได้อย่างมากในการทำแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นมาเช่นนี้ 


  • 45
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ