การขายนั้นเรียกได้ว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่จะทำให้ให้ผู้ค้านั้นสามารถจูงใจผู้ซื้อจนซื้อสินค้าได้ ซึ่งไม่ว่าคุณจะทำการตลาดมาดีแค่ไหน แต่สุดท้ายไม่สามารถขายสินค้าและบริการได้ก็นับว่าล้มเหลวอย่างมาก ทำให้การมีความสามารถในการขายที่ดีนั้นมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับคนทำการตลาดที่ไม่เพียงแค่ต้องเข้าใจว่าการตลาดทำงานอย่างไร แต่ต้องเข้าใจจิตวิทยาของผู้บริโภคด้วยว่าจะทำการซื้อสินค้าเพราะอะไร และซื้อสินค้าทำไม
ทั้งนี้หลาย ๆ ครั้งนักการตลาดหรือเจ้าของบริษัทเองมักจะคิดว่าตัวเองมีสินค้าดีอย่างมาก ก็สามารถทำให้คนนั้นหันมาสนใจซื้อได้แล้ว หรือในยุคนี้ก็มีนักการตลาดที่คิดว่าลงเงินให้เยอะกับการตลาดก็สามารถสร้างลูกค้าจำนวนมากได้ จนถึงมีจำนวนคนติดตามจำนวนมากในช่องทางออนไลน์ก็สามารถสร้างลูกค้าได้เช่นกัน ด้วยความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก เพราะบางทีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แปรผันกลับมาเป็นยอดขายได้เลย สิ่งที่จะทำให้กลายเป็นยอดขายได้นั้นคือ สินค้าและบริการที่ทำมานั้นถูกคน ถูกที่และถูกเวลาหรือไม่ ซึ่งในวันนี้เราจะมารู้จักอาการ 4 ข้อที่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงขายของไม่ได้
1. คิดว่าสินค้าตัวเองดี : นี้เป็นปัญหาคลาสสิคอย่างมากที่เกิดขึ้นกับเจ้าของกิจการ หรือนักการตลาดที่อยู่ในแบรนด์หลาย ๆ ที่ ที่ทำสินค้าและบริการออกมา หรือมองเห็นโอกาสทางการตลาดที่เกิดขึ้นจนสร้างสินค้าและบริการออกมา โดยหวังว่าผู้คนนั้นจะเห็นว่าสินค้าของตัวเองนั้นเจ๋งหรือดี แต่ปรากฏว่าพอทำออกมานั้นไม่ได้มีใครสนใจในสินค้าและบริการนั้นเลย
ปัญหานี้เกิดขึ้นมาเพราะนักการตลาดหรือเจ้าของกิจการนั้นคิดโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลแล้วคิดว่าคนอื่นนั้นจะต้องคิดแบบเดียวกันหรือเข้าใจแบบเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้บริโภคนั้นแทบไม่ได้รู้จักคุณเลย คุณจึงต้องมีหน้าที่ในการที่จะเล่าสินค้าและบริการของคุณว่ามันเจ๋งยังไง แล้วจะมาช่วยแก้ไขปัญหาที่ผู้บริโภคมีอยู่หรืออาจะไม่รู้ว่ามีได้อย่างไร
2. คุณขายผิดที่ผิดทางหรือไม่ : การขายนั้นนอกจากขายให้ถูกคนแล้ว การที่จะขายให้ดีได้นั้นต้องอยู่ในสถานที่ที่ถูกต้องด้วย หลาย ๆ ครั้งยอดขายไม่เกิดขึ้นมาเพราะว่าไปอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ว่าจะในสถานการณ์จริงในการที่ไปตั้งร้านหรืออยู่ในบริเวณที่ไม่มีลูกค้าเลย จนถึงการทำการตลาดไปยังแหล่งกลุ่มเป้าหมายที่ผิดกกลุ่ม หรือใน Digital เองก็ตามที่อาจจะทำ Content แต่ไปเผยแพร่อยู่ในที่ที่ไม่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ ทั้งหมดนี้ทำให้เสียทั้งเงิน และเวลาต่างอย่างมากมาย
ดังนั้นการที่คุณจะขายได้ไม่ได้เกี่ยวแค่ว่าสินค้าและบริการของคุณนั้นดีแค่ไหน แต่คุณนั้นไปทำการตลาดในยังจุดไม่มีลูกค้าคุณก็ไม่สามารถเกิดยอดขายได้ ดังนั้นจงหาว่าลูกค้าคุณอยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตที่ไหนเพื่อที่จะทำการเข้าไปจับกลุ่มเป้าหมายนี้ได้ถูกต้อง
3. ทำ Content ที่ไม่ตรง : แม้ว่าคุณอยู่ถูกที่แล้ว ก็อาจจะขายไม่ได้เช่ากัน เพราะคุณนั้นอาจจะทำการสื่อสารที่ไม่ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายหรือแสดง Content ที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายต้องการ ทำให้กลุ่มเป้าหมายนั้นเดินหนีจากคุณไปได้อย่างง่ายได้ หลาย ๆ ครั้งเกิดจากปัญหาง่าย ๆ เพียงแค่คุณไม่ได้เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาอะไรจากคุณหรืออยากให้คุณนั้นพูดอะไร แต่คุณมัวแต่บรรยายสรรพคุณของสินค้าโดยไม่ได้สนใจว่าปัญหาชองลูกค้าคืออะไร
ดังนั้นสิ่งที่นักการตลาดควรทำคือการเริ่มเข้าใจว่าผู้บริโภคกำลังมองหาอะไร และอยากได้ Content แบบไหน แล้วเตรียมการสร้าง Content แบบนั้นเพื่อรองรับการค้นหาต่าง ๆ หรือเตรียมคำตอบในการตอบคำถามที่มากกว่าการขายแต่เป็นการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าขึ้นมา
4. คุณไม่ทำการขายและไม่เชื่อว่าใครจะมาซื้อของคุณ : สุดท้ายนี้สิ่งที่ทำให้คุณขายไม่ได้นั้นคือการที่นักการตลาดหรือเจ้าของสินค้าเองนั้นคิดว่าสินค้าตัวเองหรือบริการตัวเองนั้นดีอยู่แล้ว ทำ content ที่ดีอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ได้ทำการโปรโมทหรือบอกคนอื่นเลยว่าตัวเองนั้นขายสินค้าทำให้คนนั้นไม่สามารถรู้ได้ว่าในโลกนี้นั้นมีสินค้านี้อยู่ นอกจากนี้หลายครั้งการขายนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เลย เพราะเจ้าของกิจการหรือนักการตลาดยังไม่เชื่อมั่นในสินค้าและบริการตัวเองว่าจะมีคนซื้อไปใช้
ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้นักการตลาดหรือเจ้าของกิจการนั้นต้องป่าวประกาศการมีตัวตนของตัวเองในสินค้าและบริการนั้นให้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน นอกจากนี้นักการตลาดหรือเจ้าของกิจการเองต้องเชื่อมั่นในสินค้าตัวเองก่อนว่าจะมีคนนั้นซื้อไปใช้ โดยทำให้ตัวเองนั้นกลายเป็น Influencer ที่สำคัญที่สามารถชวนคนรอบตัวเองมาใช้สินค้าและบริการที่เราทำการตลาดอยู่ได้